ตอนที่2: แก๊งเพื่อนรักนักกิน The culinary troop

<<Previous อ่านตอนที่ 1 คลิ๊กที่นี่ <<              
>>Next อ่านตอนที่ 3 คลิ๊กที่นี่>>

ตอนที่2: แก๊งเพื่อนรักนักกิน The culinary troop

พระอาทิตย์นอกหน้าต่างที่เคยสีเหลืองทองร้อนเจิดจ้าเมื่อช่วยบ่ายค่อยๆเปลี่ยนเป็นส้มแดง เหมือนจะลังเลว่าจะตกเลยดีไหมหรือว่าจะอยู่ต่อให้แสงสว่างแก่มนุษย์เงินเดือนเหล่านี้ต่ออีกซักครู่ดี อิ่มทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่มๆในมุมที่เธอคุ้นเคยของร้านอาหารเล็กๆใจกลางกรุงเทพซึ่งเป็นร้านประจำของเธอกับเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน หลังจากฝ่าดงการจราจรในเมืองกรุงมาอย่างน่าหงุดหงิดอิ่มวางกระเป๋าแบรนเนมราคาแพงไว้ข้างตัวอย่างหมดแรงและไม่แยแสว่าจะเสียทรงหรือจะเปื้อนอะไร พร้อมกับใช้มือขยี้ๆหัว นวดคลายเครียด ถอดร่างคุณอมรินทราที่เพิ่งประชุมเครียดเมื่อซักครู่นี้ที่ทำงานออกไปหมด กลายเป็นยัยอิ่มช่างกินคนเดิม ที่โต๊ะอาหารมีคนวัยสามสิบกลางๆอีก 4 คน ที่นั่งด้วยท่าทางสบายๆต่างคนก็ต่างมีลักษณะเฉพาะตัว ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม และเครื่องประดับล้วน แตกต่างกันออกไป ดูดีกันไปคนละแบบ “

หวัดดีเพื่อนๆ หิวจัง ป้าสั่งอะไรบ้างรึยัง?” อิ่มถามเพื่อนสาวในร่างชายที่ดูมีความเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม “ไม่น่าแปลกใจเล๊ยย ที่แกยังรักษาความโสดไว้ได้อย่างมั่นคงนะอิ่ม ชีวิตแกมีสองอย่าง ทำงานกับกิน ไม่เหลือช่องให้ผู้ชายเข้ามาบ้างเล๊ยย แล้ว SOS เรื่องอะไร มา เล่ามาเลยอิ่ม” ผู้เอ่ยปากออกมาเป็นคนแรก คือจินตฤน หรือป้าจินนี่ของเพื่อนๆ ด้วยความที่อายุมากกว่าเพื่อนๆเพราะซิ่วมาก่อนจะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน (ซิ่วคือการที่บุคคลเคยเรียนที่มหาวิทยาลัยอื่นหรือคณะอื่นมาก่อน แล้วมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ หรือคณะใหม่ โดยเริ่มเรียนชั้นปีที่หนึ่งใหม่ เพื่อได้เรียนคณะหรือมหาวิทยาลัยที่ชื่นชอบมากกว่า) เพื่อนๆจึงให้ความนับถือในจำนวนปีของประสบการณ์ชีวิตและยกย่องให้เป็นญาติผู้ใหญ่ของกลุ่มโดยการเรียกว่าลุงหรือป้า แม้ร่างจะเป็นชายแต่ด้วยจิตใจแล้วจินนี่ชอบให้เพื่อนเรียกว่าป้ามากกว่า จินนี่ทำงานเป็นผู้บริหารของบริษัทในวงการบันเทิงขนาดกลางแห่งหนึ่ง มีทั้งลูกน้อง ทั้งค่าคอมมิชชั่น เป็นเพื่อนที่ทำมาหากินได้ล่ำซำที่สุดในกลุ่ม แต่เมื่อ lucky in game แล้วป้าก็ไม่ค่อยจะ lucky in love ซักเท่าไหร่ ผู้ชายเข้ามาแป๊บๆแล้วก็จากไป จินจึงยิ่งเร่งทำงานหาเงินให้มาก เพื่อที่ว่าแก่ๆไปถ้าไม่มีใครดูแลป้าจะได้มีเงินเยอะๆไว้จ้างผู้ชายหนุ่มๆหุ่นดีๆมาดูแล

 

“ตอนนี้มันคงไม่ค่อยอิ่มละแหล่ะป้า สั่งอาหารก่อนไหม ดูหน้าตานี่คือหิวโคตร ใช่ไหมแก สั่งเลยๆ” เมนูอาหารถูกยื่นให้อิ่มจากสาวหน้าขาวเกือบสะท้อนแสง รูปหน้าค่อนข้างกลมแต่งหน้าเล็กน้อยแต่งชุดยูนิฟอร์มของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ออร่าเป็นเพื่อนเรียนเก่งในกลุ่ม ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ตอนเด็กๆเคยไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่บราซิลจึงชื่นชอบการดำรงชีวิตแบบสบายๆ มีไลฟ์สไตล์ที่ชิล เธอใช้ชีวิตแบบช้าๆสบายๆหรือที่สมัยนี้เรียกว่าสโลว์ไลฟ์มานานเป็นสิบกว่าปีก่อนที่คนในประเทศไทยจะฮิตกัน ออร่าทำงานด้านการตลาดที่ธนาคารพาณิชย์ใหญ่แห่งหนึ่ง ด้วยความที่เป็นชอบชอบซักชอบถามชอบตั้งคำถามทำให้แผนการตลาดของเธอมีรายละเอียดเปะทุกมุมมอง เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าและผู้บริหารระดับสูง เพราะไม่ว่าคนเหล่านั้นจะถามอะไรเธอได้ถามไว้ก่อนและเตรียมคำตอบพร้อมทางแก้ไขไว้หมดแล้ว

“ขอบใจออร่า” อิ่มมองเมนูปร๊าดเดียว ก็ยกมือเรียกพนักงานเสิร์ฟ “น้องคะ .. เอา .. ขาหมูเยอรมัน ทอดกรอบเป็นพิเศษ ไม่ต้องหั่นมานะคะ เดี๋ยวถ่ายรูปไม่สวย พี่หั่นเองได้ แล้วก็เอาเนื้อวากิวย่างจิ้มแจ่วสุกปานกลาง เอาซีซ่าร์สลัดไม่ใส่ไก่แต่เปลี่ยนเป็นเพิ่มเบค่อนเยอะพิเศษ เอาข้าวผัดน้ำพริกลงเรือเพิ่มเครื่องเคียงปลาดุกฟูเยอะพิเศษ เอายำวุ้นเส้นทะเลเผ็ดธรรมดาแต่เปรี้ยวมากๆ เอาต้มยำกุ้งมะพร้าวอ่อนน้ำข้นเผ็ดน้อย เอาเป็นหม้อไฟมาเลยค่ะ อ่อ แล้วก็เอากุ้งแช่น้ำปลามาด้วยนะคะ อะไรเสร็จก็เอาออกมาได้เลยนะ ไม่ต้องรอกัน เพื่อนๆเอาไรอีกป้ะ น้ำผึ้งล่ะ” อิ่มปิดเมนู ยิ้มกวาดให้เพื่อนรอบๆโต๊ะอย่างอารมณ์ดีขึ้นทันตา แล้วยื่นเมนูไปให้เพื่อนที่นั่งข้างๆกัน

“โห น้องพนักงานคะเอาเท่านี้ก่อนค่ะ” หญิงร่างกระทัดรัดผมยาวดัดลอนสวย ใส่แว่นสายตาดีไซน์ทันสมัยเข้ากับชุดกระโปรงลายจุดกล่าว “พอก่อนเถอะค่ะคุณเพื่อน กินห้าคนนะแก ไม่พอค่อยสั่งใหม่” น้ำผึ้งเป็นข้าราชการสาวมั่นแห่งสำนักงานชั้นนำของประเทศไทยมีความสามารถดีกรีระดับด๊อกเตอร์ด้านนโยบายสาธารณะจากต่างประเทศ เพื่อนๆภูมิใจในความสามารถและความมุ่งมั่นของเธอที่จะมาช่วยพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวไกลทะลุ AEC ไกลไประดับโลก น้ำผึ้งว่าบางทีเพื่อนๆก็เพ้อเจ้อกันเกินไปเพราเธอเป็นแค่ข้าราชการระดับกลางแต่เพื่อนๆก็ลงความเห็นว่าน้ำผึ้งเป็นความหวังของเพื่อนๆเพราะที่เรียนจบมาด้วยกันในกลุ่ม ก็มีเธอคนเดียวที่รับราชการ แม้ในบางครั้งแฟชั่นชุดทำงานของน้ำผึ้งก็ก้าวล้ำเกินสมัยของเพื่อนร่วมงานของเธอไปไกล แต่ดีที่เรื่องงานน้ำผึ้งไม่มีที่ติจึงไม่มีใครสามารถว่าอะไรเธอได้

“แหม ด๊อกเตอร์น้ำผึ้ง ยังกะแกไม่รู้จักยัยอิ่ม สั่งจริง กินจริง ไม่ใช้ตัวแสดงแทนขนาดนี้ แล้วอย่าให้มันเมานะ เดี๋ยวเหมือนเมื่อก่อน พอเมามันบอกว่ายังไม่ได้กินอะไรเลยมัวแต่คุย แล้วก็แอบเดินไปสั่งในครัวว่าเอากับข้าวทั้งหมดอย่างงี้มาอีกชุดนึง กินกันอึดขึ้นมาถึงคอนี่ ต้องห่อกลับกันเป็นแถว” เพื่อนสาวในร่างชายอีกคนหนึ่งรำลึกวีรกรรมที่น่ากลัวเรื่องการกินมาราธอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของอิ่ม เพื่อนคนอื่นพยักหน้ากันหงึกหงัก ภาพความหลังยังคงชัดเจน

“แหม นิ๊ก นั่นมันอดีต ตอนนั้นพวกเรายังเด็กยังเพี้ยนๆกันอยู่ แต่ตอนนี้พวกเราเรียนจบมหาวิทยาลัยกันมาสิบกว่าปีแล้ว ฉันก็พัฒนาแล้วย่ะ แถมเดี๋ยวนี้แก่แล้วซ่ามากขนาดนั้นไม่ได้แล้วแหล่ะ แต่วันนี้ฉันเครียด ขอกินหน่อยนะ แกไม่ต้องกินเยอะตามก็ได้ เดี๋ยวหุ่นไม่สวย บินแล้วหนักเครื่องบิน” อิ่มแซวเพื่อน

“นางฟ้าอย่างฉันยังไงก็บินขึ้นย่ะ นี่ welcome abroad” นิ๊กกล่าวคำต้อนรับบนเครื่องบินพร้อมยกมือขึ้นพนมอย่างรวดเร็วและก้มไหว้อย่างสวยงาม เพื่อนๆหัวเราะกันเฮฮา นิ๊กเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินแห่งชาติซึ่งเพื่อนๆจะเรียกกันว่า สายการบินแห่งญาติ ด้วยอาชีพการงานนิ๊กจึงได้เดินทางไปต่างประเทศบ่อยมากกว่าเพื่อนๆ และก็ถูกเพื่อนๆวานให้ซื้อของหรือหิ้วของจากต่างประเทศกลับมาให้อยู่บ่อยๆ เพราะราคาถูกกว่าซื้อที่เมืองไทยมาก นิ๊กมีความสุขกับอาชีพที่ทำแต่จะว่างไม่ค่อยตรงกะเพื่อนๆเพราะหลายๆครั้งต้องบินวันเสาร์อาทิตย์ นิ๊กชอบท่องเที่ยวและความหรูหรา และต้องสร้างภาพในสังคมการงานพอควร แต่พอมาอยู่กับเพื่อนๆแก๊งนี้นิ๊กก็เป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ทุกครั้ง

“อิ่ม ฉันสงสัยมานานละว่า ตอนสั่งงานนี่แกสั่งคล่องเหมือนตอนสั่งอาหารป่าววะ?” เสียงห้าวจากสาวผมสั้นทะมัดทะแมง หุ่นฟิตเฟิมถามมาจากฝั่งตรงข้ามโต๊ะอิ่มตอบทันควัน “ริณีจ๊ะ I have passion in food, not in work แบบชอบกินไม่ชอบทำงานหน่ะ เอ๊ะ หรือฉันต้องเรียกแกว่า “พอลล่า” ไม่ใช่ “ริณี” เหมือนที่แฟนฝรั่งของแกเรียกนะ? ต้องอินเตอร์นิดนึงป่ะ?” อิ่มตอบพร้อมแซวเพื่อนผู้กำลังหัวเราะคิ๊กคัก

“จะเรียกอะไรก็เรียกเหอะ ฉันไม่แคร์ มันไม่ต่างกันหรอก ว่าแต่ทำงานเป็นไงล่ะ” ริณีถามต่อ “แหม ริณี ทำงานมันจะไปมีอารมณ์ดีเหมือนตอนสั่งอาหารได้ไงล่ะ ความรู้สึกมันช่างต่างกันลิบลับ นี่ก็มีเรื่องมาสะกิดให้เครียดอยู่นี่” อิ่มตอบริณี เพื่อนสาวห้าวผู้ซึ่งพอเรียนจบมหาวิทยาลัยก็ไปเรียนต่อและใช้ชีวิตที่อังกฤษมาหลายปี ทั้งงานเสิร์ฟ ทั้งงานที่มหาวิทยาลัย พบเจอคนมามากมายจนมีมุมมองโลกที่กว้างขวาง ริณีกลับมาเมืองไทยได้สองสามปีแล้วและทำงานเป็นผู้จัดการการวิจัยการตลาดที่บริษัทเอกชนข้ามชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่ง ริณีก็รู้สึกขอบคุณอิ่มมากเป็นพิเศษกว่าเพื่อนๆคนไหน เพราะการชอบกินของอิ่มทำให้ ริณีได้เจอกับแฟนหนุ่มชาวอังกฤษที่ประเทศไทย บางครั้งริณีก็เรียกอิ่มว่า แม่สื่อช่างกิน และแฟนฝรั่งของริณีก็เรียกอิ่มว่า Foodie Cupid หรือกามเทพนักกิน

“แล้วแกจะมาเครียดอะไร งานแกเงินเดือนดีจะตาย หยุดเสาร์อาทิตย์ด้วย วันลาก็เยอะ ลูกน้องก็มี เกิดไรขึ้นล่ะ? เจ้านายด่า ลูกน้องดื้อ ลูกค้าเลวใส่ หรือว่าอะไร แต่ฉันว่าหน้าตาอย่างแกตอนนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องชู้สาวแน่นอน” ออร่า ยื่นหน้าขาวๆเข้ามาใกล้อิ่ม

“นี่ แม่ผีญี่ปุ่นคุณออร่าคะ นอกจากแกจะหน้าขาวมากตัวขาวมากแล้ว ทำไมแกยังถามมากถามได้หลายคำถามในคราวเดียวอย่างนี้นะ รับเบียร์สดเย็นๆ คนละแก้วให้ชื่นใจก่อนไหม เดี๋ยวค่อยเม้าเรื่องงานน่ะ” อิ่มถามเพื่อนหน้าขาว แบบรู้ใจ

“เฮ้ย จะบ้าเหรอแกนี่มันยังไม่หกโมงครึ่งเลยนะ ...ต้องสั่งเป็นเหยือกสิ ได้ราคาแฮปปี้อาวร์ ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง คุ้มกว่า” ออร่าตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง พลางชี้ไปที่ป้ายราคาโปรโมชั่น

“เออ ให้มันได้อย่างงี้ ไม่เคยจะขัดกันเลยเรื่องกินเนี่ย มา .. ดริ๊งรอบแรกนี่ป้าเลี้ยงเอง วันนี้ค่าคอมออก” ป้ากล่าวอย่างจีบปากจีบคอแล้วตะโกนสั่งเบียร์กับพนักงานเสิร์ฟ

“ป้าจินนี่ คราวนี้ได้มาหลายตังค์ล่ะสิ หน้าบานขนาดนี้น่ะป้า ข้าราชการไส้แห้งอย่างฉันอิจฉานะเนี่ย” น้ำผึ้งพูดแหย่จินนี่ด้วยรอยยิ้มกว้าง

“แหม น้ำผึ้งงานแกมีเกียรติไงทำเพื่อประเทศ ป้าเองก็ภาระเยอะ ไหนจะเลี้ยงแม่เลี้ยงหลาน ได้มาเท่าไหร่ก็มีคนช่วยใช้” จินตฤนพูดอย่างปลงๆ

“ผู้บริหารระดับสูงอย่างป้าจะกลัวอะไร เงินเดือนเยอะแถมได้ค่าคอมอีก เงินทองของนอกกาย เดี๋ยวก็หาใหม่ได้ใช่มะ” ริณีกล่าวให้กำลังใจเพื่อน

“ลืมค่าเลี้ยงผู้ชายไปรึเปล่าป้า” นิ๊กถามสวนขึ้นมาอย่างติดตลก

“อันนั้นไม่ใช่ค่าใช้จ่ายประจำนะนิ๊ก เพราะบางช่วงก็ไม่มีเลย อดอยากปากแห้งนะ แต่มองอีกมุมก็ประหยัดดี” ป้าตอบพลางหัวเราะแล้วหยิบแก้วเบียร์ยกขึ้น

“มา ชนค่ะ เพื่อมิตรภาพอันยาวนานแบบเสื่อมๆของพวกเรา ส.อ.ซิ่ง จงเจริญ” อิ่มใช้มือขวายกแก้วเบียร์ชนกับเพื่อนๆ และใช้มื้อซ้ายหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปการชนแก้วเบียร์สามัคคีอย่างรวดเร็ว อิ่มจับภาพเบียร์สีเหลืองอำพันพร้อมฟองสีขาวนวลนุ่มลอยอยู่ด้านบน บางส่วนของเครื่องดื่มมีลักษณะเป็นเนื้อวุ้นเกือบจะกลายเป็นน้ำแข็งแสดงว่าถูกแช่มาจนเย็นจัด ภาชนะแก้วใสที่ใส่ของเหลวเมรัยนี้ก็แช่เย็นมาจนกลายเป็นสีขาวขุ่น

อิ่มกลืนน้ำลายหลังถ่ายภาพเสร็จแล้วค่อยยกแก้วขึ้นดื่มพร้อมเพื่อนๆ ขณะที่พนักงานค่อยๆทยอยนำอาหารมาเสิร์ฟ วางบนโต๊ะจานแล้วจานเล่า “อ่าว ทุกคนให้ยัยอิ่มทำพิธีกรรมก่อนรับประทานค่ะ” ป้ากล่าวและเพื่อนๆทุกคนก็รู้งาน ยกมือทั้งสองข้างขึ้นจากโต๊ะโดยพร้อมเพรียงกัน แล้วร้องเพลง

“ซูลูซัมบาลู.. ซูลูมาทิกา” “บ้า พวกแกนี่ ไม่ใช่ค่ายลูกเสือรอบกองไฟนะเว้ย แห่ะๆ แป๊บเดียวนะพวกแก ถ่ายรูปจานละสองสามรูปก็เสร็จ” แล้วอิ่มก็หมุนจานนั้น ถ่ายรูปจานนี้อย่างคล่องแคล่ว ถ่ายเดี่ยว ถ่ายอาหารเป็นหมู่ด้วยสายตาที่จริงจัง

“อ้ะ เสร็จละ เชิญรับประทานกันได้เลยค่ะ ขอฉันอัพรูปแป๊บเดียว” อิ่มก้มหน้าจิ้มโทรศัพท์อย่างเพลิดเพลิน

“แหม ถ้าทำงี้แล้วได้ตังค์นะอิ่ม แกคงรวยมากๆไปแล้วหล่ะ ไม่ต้องมานั่งเป็นจับกังไฮโซ บริษัทข้ามชาติอยู่อย่างนี้” น้ำผึ้งพูดหน้าตาจริงจัง

“คืองี้แก” อิ่มใช้มีดหั่นขาหมูเยอรมันไปคุยไป “นี่แหล่ะความปวดใจที่ฉันจะมาเม้าให้พวกแกฟัง คือ เพื่อนที่ทำงานฉันที่เข้ามารุ่นๆเดียวกันอ้ะ มันทยอยๆได้งานใหม่ลาออกกันไปหมดแล้ว ฉันเลยรู้สึกว่า ทำไมฉันต้องมานั่งทำอะไรที่มันน่าเบื่อมากๆอยู่อย่างงี้วะ นี่คือเวลาที่ต้องหางานใหม่จริงจังแล้วรึป่าว”

“ป้าว่า ใครๆก็เบื่องานตัวเองป่าววะ แต่ก็ทำๆไปให้สิ้นเดือนเงินเดือนออกมาจ่ายหนี้ ค่าผ่อนรถผ่อนบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ เงินเดือนแกก็เยอะอยู่ ทำๆไปเถอะ แล้วก็เปิดตามองหางานใหม่ไปพร้อมๆกัน อย่าลาออกมาอยู่เฉยๆ ไม่ดีๆ” ป้าพูดด้วยมุมมองของคนที่อายุมากกว่าเพื่อนๆ แล้วจิ้มเนื้อวากิวย่างแบบสุกปานกลางราดน้ำจิ้มแจ่วเผ็ดแซ่บเข้าปาก

“จริงของป้า มีแค่หนึ่งในล้านคนเท่านั้นล่ะที่ได้ทำอะไรที่ตัวเองชอบแล้วยังได้ตังค์เยอะๆ ทำงานได้เงินมาใช้ชีวิตสบายๆก็พอแล้วนะ นิ๊กยกจานสลัดมาให้หน่อยสิ” ออร่าพูดไปพยักหน้าเห็นด้วยไป แล้วยื่นมือไปรับจานซีซ่าร์สลัด

“แต่เราก็ต้องหาทางทำให้ชีวิตมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆไม่น่าเบื่อจนเกินไปนะ” ริณีกล่าวด้วยแววตาเข้าอกเข้าใจอิ่ม งานของเธอก็เครียดมากเช่นกัน “ถูกต้องเลย แต่จริงๆแล้วแกชอบทำไรวะ” ออร่าถามเพื่อนตรงๆ

“ไม่รู้ว่ะ ชอบกินมั๊งแต่กินแล้วมันเสียเงินไง ไม่ใช่ได้เงิน” อิ่มหัวเราะเสียงดังหลังพูดจบพร้อมหั่นขาหมูทั้งหมดเป็นชิ้นพอคำให้เพื่อนๆรับประทานได้ง่าย

“แกก็ทำไอ้ถ่ายรูปอาหารกับรีวิวอะไรของแกเนี่ยเป็นงานอดิเรกอยู่แล้วนี่ เครียดเรื่องงานก็มาระบายออกด้วยการทำเพจอาหารที่แกชอบไง แกถ่ายรูปอาหารสวยมากนะ เป็นคนเขียนรีวิวอาหารได้เป็น food blogger ได้ ตอนนี้ในอินสตาแกรมมีคนฟอลโล่วเท่าไหร่แล้วล่ะ” จินนี่วางแก้วเบียร์แล้วหันมาถามอิ่มด้วยเสียงจริงจัง

“ได้พันกว่าคนแล้วนะ แต่พวกบล๊อกเกอร์แอคเค้าใหญ่ๆเค้ามีคนฟอลโล่วเป็นหมื่นๆเป็นแสนๆก็ยังมี” อิ่มตอบด้วยหน้าตาภูมิใจพลางตักน้ำจิ้มซีฟู้ดราดบนกุ้งแช่น้ำปลาในจานให้ท่วมตัวกุ้งแล้วตักเข้าปาก เคี้ยวคำโตๆได้รสชาติเผ็ดและเปรี้ยวปนเค็มผสมกับเนื้อกุ้งสดๆหวานๆ เธอกลืนอาหารลงคอ แล้วซดเบียร์เย็นๆตาม การได้กินของอร่อยทำให้อิ่มยิ้มกว้างได้เสมอ

“ป้าว่า แกอย่าเพิ่งเอาอึ่งอ่างไปเทียบกะงัว เดี๋ยวตัวพองแตกตาย” ป้าพูดด้วยหน้าตาจริงจัง

“เค้าเรียกว่า วัวไม่ใช่งัว ป้า .. เมื่อไหร่ป้าจะเลิกพูดผิดพูดถูกซะทีคะ” น้ำผึ้งแซว

“เออ นั่นแหล่ะ คือป้าจะบอกว่าให้อิ่มค่อยๆเป็นค่อยๆไปในสไตล์ของเราเองย่ะ คิดแล้วลงมือทำเลยไม่ต้องรอ ชีวิตมันสั้น” ป้าค้อนแล้วหันไปจิบเบียร์ต่อ

“ฉันเห็นด้วยกับป้านะอิ่ม แกก็ทำนี่จริงจังเป็นโปรเจกคู่ขนานกับการทำงานไง วันนึงถ้าแกดังนะ แกอาจจะได้รับเชิญไปกินฟรี รีวิวอาหารแล้วยังได้เงินด้วยนะแก ออกทีวีลงนิตยสารอะไรงี้ โอ๊ย เพื่อนจะดังแล้ว” ริณีพูดไปตบมือไปให้กำลังใจเพื่อน

“แกเพ้อเจ้อละ นั่นมันอีกไกลเลย.. แต่ฉันก็ชอบนะ และฉันว่าฉันก็ควรจะเริ่มทำเพจอาหารจริงจังละเนอะ ใช่มะเพื่อนๆ”

“ใช่” เพื่อนๆทั้งสี่คนพยักหน้าและประสานเสียงตอบพร้อมกัน

“แล้วควรทำเลยด้วยใช่ไหม” อิ่มถามต่อ

“ใช่” เพื่อนๆทั้งสี่คนพยักหน้าและประสานเสียงตอบพร้อมกันอีกครั้ง

“เอาล่ะค่ะ ขอบใจมากเพื่อนๆ ฉันจะลองดูซักตั้ง ฝากพวกแกติดตามและป่าวประกาศโฆษณาเป็นหน้าม้าให้ฉันด้วยล่ะ” อิ่มยิ้มให้กับกำลังใจที่เพื่อนให้เธอ

“ได้เลย เจ๊อิ่มฟู้ดบล๊อกเกอร์” เพื่อนๆหัวเราะเฮฮาและชนแก้วกัน อิ่มซดต้มยำกุ้งน้ำข้นและเห็ดฟางในหม้อร้อนๆ พลางขมวดคิ้วครุ่นคิด วางแผนการในใจอย่างรวดเร็ว ทุกวันนี้ทำเล่นๆ ต่อไปจะทำจริงจัง ต้องมีระบบ ต้องมียุทธศาสตร์ ต้องมีแผนการตลาด อิ่มเองทำงานการตลาดสินค้าระดับร้อยล้านมาหลายปี แต่ไม่ค่อยเข้าใจตลาดใหม่ที่เรียกกันว่าตลาดออนไลน์เท่าไหร่นัก ที่ใช้ลงรูปที่ใช้คุยกับเพื่อนๆทุกวันนี้ก็ใช้ในฐานะผู้ใช้ ไม่เคยได้คิดว่า ถ้าต้องเป็นนักการตลาดออนไลน์ด้วยมันจะต้องมีเคล็ดลับยังไงบ้าง พฤติกรรมผู้บริโภคก็คงต่างกัน งานประจำอิ่ม ติดต่อพูดคุยแต่กับระดับผู้บริหารบริษัทใหญ่ๆทั่วเอเชียแปซิก ขายของทีละเป็นร้อยล้านดูที่คุณภาพและดีลราคาตลอดจน เครดิตเทอม และการดูแลหลังการขาย แต่โลกออนไลน์ เค้าเอาอะไรมาเป็นจุดเด่นนะ

“คิดไรวะแก หน้าเครียดเลย” นิ๊กถามอิ่มด้วยเสียงสงสัยแล้วตักปลาดุกฟูคำโตเข้าปาก

“คือ คิดเรื่อง Food blogger นี่แหล่ะแก ว่าจะทำยังไงให้มันดัง เพราะฉันก็ไปส่องพวกฟู้ดบล๊อกเกอร์ที่แอคเค้าท์ใหญ่ๆมานะ ที่มีคนฟอลโล่วเป็นแสนๆคนน่ะ น้อยนักที่จะมีรูปสวยอาหารน่ากินและให้ข้อมูลรีวิวละเอียดๆครบถ้วน บางเจ้ารูปสวยจริงน่ากินจริงแต่ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรมากมาย บางเจ้ารูปก็ไม่ได้สวยอะไรนัก อาหารก็พื้นๆ บางเจ้ามีแอดมินเพจช่วยกันทำเป็นสิบคน บางเจ้านะ ฉันไม่เข้าใจเลยว่ามันดังได้ยังไง ใครหลงไปฟอลโล่วได้เป็นแสนๆคนนะ ต้นทุนแต่ละเพจไม่เท่ากันจริงๆ” อิ่มบ่นให้เพื่อนฟังพลางตักข้าวผัดน้ำพริกลงเรือและปลาดุกฟูมาใส่จานตัวเอง

“ป้าว่าเรื่อง เนื้อหา content ของอิ่มป้าไม่ห่วงเพราะดูดีแล้ว รูปสวยและเราก็กินเองจริงๆ แต่ป้าจะแนะนำให้ แกต้องเปิดให้ครบทุกรูปแบบของสื่อออนไลน์นะ เอาทุก platformเลย ไม่ใช่แค่ Instagram หรือ Facebook แต่พวก Twitter, Line, เขียน blog หรือเวบไซท์ก็ต้องทำควบคู่กันไปด้วย แล้วเชื่อมโยงแบบ sync ข้อมูลกันทั้งหมด คนจะได้รู้จักแกจากหลายๆทาง แล้วพอเริ่มมีคนรู้จักแกต้องจัดกิจกรรมบ้าง เป็นการเรียกแขกให้คนมาติดตามแกมากขึ้น” จินนี่พูดช้าๆชัดๆด้วยน้ำเสียงเหมือนรุ่นพี่สอนน้องมากกว่าจะเป็นเพื่อนแนะนำเพื่อน นี่แสดงว่าองค์กำลังลงแล้ว เพื่อนๆต้องฟังไว้ เพราะจะมีเคล็ดลับที่จินนี่นำมาแบ่งปันเพื่อนและใช้ในชีวิตจริงได้เสมอ

“ฉันว่า ในยุคสังคมแข่งขันสูงอย่างนี้ แกอย่ามามัวทฤษฎีจ๋าอยู่เลย ลงมือทำไปด้วยเลยพร้อมๆกับปรับยุทธศาสตร์ไปด้วยกัน โลกออนไลน์เค้าขยับกันเป็นวินาทีย่ะ มัวแต่มาวางแผน กำหนดยุทธศาสตร์ กระพริบตาทีเดียว คนอื่นเค้าก็เอา likes ไปกินหมดแล้ว” น้ำผึ้งออกความเห็นพร้อมแนะนำไปในตัว “ใช่ แบบที่ฝรั่งเรียกว่า Learning by Doing ไงแก” ริณีเสริม

“เออ จริงของพวกแก งั้น ฉันลงรูปขาหมูเมื่อกี๊เพิ่มก่อนนะ นี่ เช็คอินด้วย คนจะได้รู้ว่าเป็นร้านไหน เผื่อเค้าจะตามมากิน ราคาจานละเท่าไหร่นะ” อิ่ม ลงรูปปรับแสง พิมพ์คำบรรยายภาพอย่างรวดเร็ว ใส่ hashtag แล้ว ลงใน Instagram และตั้งค่าให้ link ไปที่ Facebook และ Twitter ด้วยเลยในคราวเดียวกัน .. นี่ถ้าเทียบกับมือสมัครเล่นด้วยกัน ยอดคนติดตามพันกว่าคนและทักษะการถ่ายรูปและลงรูปนี่ อิ่มว่า อิ่มก็ไม่แพ้ใคร ..ว่าแต่ถ้าจะเป็น food blogger มืออาชีพจริงๆ เค้าเป็นกันยังไงนะ... อิ่มครุ่นคิดอย่างจริงจังพลางตักขาหมูเยอรมันและผักดองคำโตเข้าปาก เสียงเคี้ยวดังกร้วมๆสะท้อนก้องในหัวอิ่มพร้อมๆกับเสียงถามตัวเองวนซ้ำไปซ้ำมา

-----------------------------------------------------

 

<<Previous อ่านตอนที่ 1 คลิ๊กที่นี่ <<

>>Next อ่านตอนที่ 3 คลิ๊กที่นี่>>

Visitors: 47,033