Dubai-Abu Dhabi 2018

ดูไบ-อาบูดาบี้ 2เพื่อนสาว 5วัน 4 คืน

 

เดือนมกรา 2561 ไปเที่ยวดูไบและอาบูดาบี้ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมมิเรทส์มาค่ะ ไปอย่างฉุกละหุกเลยเพื่อนชวนไปก็ไปเลยค่ะ ปุบปับมากๆ เราเดินทางด้วยสายการบินเอมิเรตส์ตรงจากกรุงเทพไปลงดูไบเลยค่ะ ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิตอนบ่ายแก่ๆใช้เวลาบิน 6 ชั่วโมงก็ไปถึงดูไบค่ำพอดีค่ะ นั่งชั้นประหยัดไปตามประสาไปกับทัวร์ แต่บริการโอเค อาหารใช้ได้เครื่องดื่มมีให้เลือกดีเลยนะคะ แต่ผู้โดยสารนี่แหล่ะที่ทำให้ห้องน้ำสกปรก พื้นทางเดินเครื่องบินเลอะเทอะไปหมดค่ะ

 

พอเครื่องไปถึงดูไบเราก็นั่งรถไปโรงแรมเลยค่ะ นอนที่โรงแรม IBIS เป็นโรงแรมระดับมาตรฐานไม่ได้หรูหรา แต่สะดวกสบาย สะอาดใช้ได้ อุปกรณ์พื้นฐานมีครบสมชื่อแบรนด์เค้าค่ะ โรงแรมตั้งอยู่กลางเมืองเลย ราคาดีงาม พอเก็บของเสร็จเรากับเพื่อนก็ออกเดินเล่นหาอาหารอาหรับกินเลยค่ะ ดึกแล้วประมาณเที่ยงคืนบ้านเขา คือตีสามบ้านเรา คนยังเดินเต็มถนนคึกคัก ร้านรวงยังเปิดไฟสว่างไสว ผู้หญิงเอเชียเดินกันสองคนปลอดภัยโอเคเลยค่ะ เพื่อนแวะซื้อแว่น ของเซลล์มันไม่เคยปราณีใครจริงๆ เดินๆไปก็เห็นร้านนึงดูดีก็เดินมั่วเข้าไปเลยค่ะ ร้านดูสะอาดสะอ้านดี พวกเราสั่งอาหารมา2-3 อย่าง grilled beef & hummus,Arabian mixed grilled แล้วก็สลัดอาหรับ โค้กคนละกระป๋อง ก็ชื่นใจอิ่มอักแล้วค่ะ เดินเล่นต่อนิดหน่อยแล้วกลับมานอนพักผ่อนเอาแรง เตรียมลุยเที่ยวพรุ่งนี้

 

 

เช้าวันแรก เราก็นั่งรถออกไปเที่ยวเมืองอาบูดาบี้ที่เป็นเมืองหลวงของประเทศสหรัฐอาหรับเอมมิเรตส์กันก่อนเลยค่ะ ไปเฟอร์รารี่เวิร์ล ไปหมูบ้่านเบดูอิน เดินชายหาด ถ่ายรูปหน้าโรงแรมพาเลส แล้วก็ไปมัสยิดยักษ์ใหญ่สุดอลังการของอาบูดาบี้ ค่ำแล้วก็กลับดูไบ

คิดๆกันอยู่แป๊บเดียวแล้วก็ตัดสินใจ search อยากฉุกละหุกอีกว่าเอาบาร์ที่เริ่สที่สุดดูไบเลย ผลปรากฎคือ Sky View Bar บนชั้นของโรงแรม Birj Al Arab ที่เป็นตึกทรงเรือใบซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองดูไบ และเป็นโรงแรมที่ราคาแพงที่สุดในโลก ราคาเครื่องดื่มก็โหดสะบัดมาก เริ่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ที่แก้วละประมาน900บาท จนมีแก้วละเป็นแสนๆบาท ใส่ทองใส่อะไรลงไปมากมาย พอไปถึงโรงแรมที่พัก เก็บข้าวของเปลี่ยนชุดนิดหน่อย ก็ออกตะลุยราตรีแบบเศรษฐีณีทะเลทราย (ปลอมๆ)กันเลยค่ะ 

 

เราได้จองออนไลน์มาก่อนบนรถตอนระหว่างทางกลับจากอาบูดาบี้มาดูไบ พอจับแท๊กซี่ได้คนขับก็บอกเลยว่า นอนที่นั่นหรือเปล่าหรือไปกินข้าวมีใบจองหรือเปล่าไม่งั้นรถเข้าโรงแรมไม่ได้นะ เราก็บอกว่ามี โชคดีมากที่จองมั่วๆออนไลน์ไปก่อน เพราะตอนแท๊กซี่จะเลี้ยวเข้าโรงแรม ยามก็มาถามเลย มาดามพักที่นี่หรือเปล่า เราบอกว่าเปล่ามาร้านอาหารเฉยๆ ยามก็ขอให้โชว์ใบจองด้วย ไม่งั้นเข้ารั้วโรงแรมไม่ได้เพราะที่นี่ถือความเป็นส่วนตัวของแขกระดับพิเศษที่ยอมจ่ายค่าห้องคืนละเป็นแสนเป็นล้านบาทอย่างเต็มที่ พอเราโชว์อีเมลคอนเฟิมการจอง ยามก็ให้เราเข้าไปด้วยดีและสุภาพมากมาย

พอรถจอด ก้าวขาเข้าไปในล๊อบบี้ ก็ตะลึงตึงๆกับความอลังการของโรงแรมที่ห้องที่แพงที่สุดตกราคาคืนละหนึ่งล้านบาท ล๊อบบี้สวยงามอลังการ มีตู้ปลากระจกใสฝังริมผนังสองข้าง มีบันใดเลื่อนให้ขึ้นไปบนโถงด้านบนเพื่อต่อลิฟท์ อลังการทุกรายละเอียด ดูแพง พอจะขึ้นลิฟท์พนักงานต้อนรับก็มาขอดูเบอร์ห้องพักหรือใบจองร้านอาหารอีกรอบ แล้วก็ให้นั่งรอที่โซฟา แล้วพอลิฟท์มาก็เชิญให้ขึ้นไป ลิฟท์ก็เป็นทรงโค้งตามตัวตึกรูปทรงแปลกตา พอขึ้นไปถึงชั้น 27 แล้ว ก็มีพนักงานมาต้อนรับแล้วเดินนำเราไปนั่งที่โต๊ะ ลูกค้าไม่ได้มีมากมายแต่เค้าพยายามทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนตัว  ตัวร้านสีสันฉุดฉาดอยู่ด้วยเก้าอี้เบาะสีแดงสด เพดานมีไฟสีฟ้าเข้มสลับเขียวเทอคว๊อยส์

 

เดี๋ยวมาเล่าเรื่องตึกที่สูงที่สุดในดูไบ ตลาดทองอันเว่อร์วัง Mall of Emirates & Mall of Dubai และอื่นๆต่อค่ะ (to be continued)

 

      

Visitors: 47,033