ตอนที่3: ฟู้ดบล๊อกเกอร์เค้าเป็นกันยังไงนะ What is a Food Blogger?

<<Previous อ่านตอนที่ 2 คลิ๊กที่นี่    

Next อ่านตอนที่ 4 คลิ๊กที่นี่ >>

 ตอนที่3: ฟู้ดบล๊อกเกอร์เค้าเป็นกันยังไงนะ What is a Food Blogger?

บริษัทยามเช้าตรู่ อิ่มเดินเข้ามาท่ามกลางความเงียบในแผนกยังไม่มีใครมาทำงานก่อนอิ่มอีกตามเคย เธอเดินเข้ามาในห้องทำงานปิดประตู เปิดคอมพิวเตอร์ และเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่อิ่มไม่ได้เปิดดูอีเมลงานก่อนสิ่งอื่นใด หากแต่เช้านี้เธอคลิ๊กเปิดอินเตอร์เนตก่อน เปิดเวบไซท์ช่วยหาข้อมูลอย่าง google ขึ้นมาแล้วรำพึงกับตัวเอง “จะเป็น food blogger เค้าต้องทำกันยังไงนะ” อิ่มพิมพ์คำว่า food blogger ลงไปแล้วดูผลการค้นหา เธอกดเข้าไปอ่านรายละเอียดจะหลากหลายเวบไซท์ว่า อะไรคือ Food blogger แล้วจะเป็นให้ดีนี่ต้องทำอย่างไร แล้วจัดเก็บข้อมูลที่ได้ลงในแฟ้มอย่างเป็นระเบียบ โดยรวมฟู้ดบล๊อกเกอร์ก็คือคนเขียนรีวิวอาหารอิสระลงในบล๊อกหรือพื้นที่ออนไลน์นั่นเอง จะทำอาหารเองหรือไปชิมตามร้านแล้วมาลงเผยแพร่สู่สาธารณะก็ได้เหมือนกัน

อิ่มอ่านไปก็พยักหน้าให้ตัวเองไปหงึกหงัก “เราก็มาถูกทางแล้วนี่นา” เธอพิมพ์หาข้อมูลจากคำใหม่ Food reviewer ผลลัพท์บอกว่าคือคนรีวิวอาหารกว้างๆทุกรายละเอียด เช่นอาหารอร่อยไหม ร้านสวยไหม ราคาเหมาะสมไหม ทำเลร้าน ที่จอดรถมีไหม รถไฟฟ้าผ่านหรือเปล่า บริการดีไหม โดยจะเขียนออนไลน์ในเวบไซท์ต่างๆหรือจะเขียนลงหนังสือก้ได้ ส่วนอีกคำ food critics นี่เป็นแบบคนวิจารณ์อาหารแบบจริงจัง ถ้ามีชื่อเสียงโด่งดังละก็เชฟร้านแพงๆจะกลัวกันมาก เหมือนในหนัง จะได้รับการดูแลอย่างดี เพราะถ้าเขาเขียนลงคอลัมน์หรือเผยแพร่บทวิจารณ์ไปว่าอาหารแย่ละก็ อนาคตร้านก็ดับไปได้เลย Food Reviewer ที่มีประสบการณ์และได้รับการยอมรับมากขึ้นๆก็จะกลายเป็น Food Critics ได้ในที่สุด อิ่มหาข้อมูลเพิ่มคลิ๊กผลลัพท์ ไปดูเวบไซท์นั้น เวบไซท์นี้ด้วยหน้าตาจริงจังแต่แววตามีความสนุกสนาน มือพิมพ์เป็นไฟ มุมปากมีรอบยิ้มขึ้นมาเป็นระยะๆ บางข้อมูลน่าสนใจมากถึงขั้นปริ้นมาใส่แฟ้มไว้จริงจัง

ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับการหาข้อมูลการเป็นนักเขียน และนักวิจารณ์อาหารอยู่นั้น อิ่มไม่ได้รู้เลยว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไหนแล้ว จนกระทั้งนาฬิกาในคอมพิวเตอร์แจ้งเตือนว่า 8โมงห้าสิบนาทีแล้ว และกำลังจะมีประชุมที่ห้องประชุมสามตอนเก้าโมงเช้า อิ่มจึงปิดเวบไซท์ที่เธอหาข้อมูล ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวลาผ่านไปชั่วโมงครึ่งแล้ว สนุกจัง อิ่มคิดในใจ แล้วเปิดอีเมลงานดูผ่านๆว่ามีอะไรสำคัญหรือด่วนมากไหม

สิบนาทีหลังจากนั้นอิ่มก็ถือแฟ้มที่ข้าวเหนียวเตรียมไว้ให้ตั้งแต่เมื่อวานเย็น เดินไปเข้าประชุม เช้านี้คิวงานแน่นเอี๊ยดมีสามประชุมติดเกือบเที่ยงกว่าจะเลิก แค่คิดอิ่มก็แอบเหนื่อยแล้ว หลังประชุมเสร็จอิ่มก็กลับนั่งพิมพ์งานที่โต๊ะอย่างขมักเขม่น เสียงเคาะประตูเบาๆดังขึ้นมาขัดจังหวะ

“เชิญค่ะ” อิ่มบอกโดยไม่ได้หันไปมองที่ประตูและมือยังพิมพ์งานเป็นระวิงตามเดิม “อาหารเที่ยงมาแล้วค่ะ ของคุณอิ่ม เส้นใหญ่ผัดซีอิ้วไก่พิเศษนะคะ แล้วก็ลูกชิ้นปิ้งเนื้อล้วนไม่เอ็น พี่เอาน้ำเปล่ามาให้ด้วยค่ะ นี่เงินคุณอิ่มค่ะ” อิ่มมองไปที่ต้นเสียงนั้น แล้วยิ้มมองไปที่ถาดซึ่งมีเส้นใหญ่ผัดซีอิ้วไก่ใส่จานมาเรียบร้อยพร้อมช้อนส้อม ทิชชู่และแก้วน้ำ อิ่มมองปราดดูเห็นเส้นใหญ่สีน้ำตาลเข้มนวลมีน้ำมันเคลือบแวววาวสวยงาม มีไก่ชิ้นพอดีคำหลายชิ้น มีแครอทกับก้านคะน้าและเห็ดผัดรวมกันอยู่ด้วยช่วยเพิ่มสีสันให้อาหารจานด่วนได้ดี มีการโรยพริกไทยด้านบนตกแต่งนิดหน่อย ส่งกลิ่นหอมเคล้ากับควันร้อนฉุยที่ลอยอบอวลมาเตะจมูกอิ่มอย่างจัง ข้างๆกันนั้นมีจานใส่ลูกชิ้นเนื้อล้วนลูกพอดีคำเสียบไม้ราดด้วยน้ำจิ้มชุ่มฉ่ำวางซ้อนกันอยู่หลายไม้ กลิ่นอาหารทั้งสองจานหอมตลบอบอวนไปทั้งห้องทำงาน มื้อนี้เธอคงจะอิ่มสมชื่อเป็นแน่ “ขอบคุณค่ะพี่ส้ม หอม น่ากินมากเลย ร้านไหนคะ” อิ่มพูดพลางยิ้มให้สาวรุ่นใหญ่เสื้อขาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ร้านเพิงตามสั่ง ข้างๆตึกเราเนี่ยล่ะค่ะ เมื่อก่อนขายสามสิบบาทเป็นเนื้อเป็นหนัง เดี๋ยวนี้ธรรมดาสี่สิบพิเศษปาเข้าไปห้าสิบบาทแล้วค่ะ ป้าแกรสมือดีทำอาหารอร่อย แต่คิดเลขไม่ค่อยเก่ง สั่งหลายๆอย่างแล้วต้องคิดเงินให้แกด้วยเลยว่า เอาเจ็ดอย่าง เมนูละเท่านั้นเท่านี้รวมเป็นเท่านี้บาทนะ ให้แบงค์นี้ไป ป้าทอนเท่านี้นะ บอกเท่าไหร่แกก็เอาเท่านั้นไม่เคยเช็คเลยค่ะ พี่ยังกลัวแกโดนโกงอยู่เลย” พี่ส้มเล่าเป็นตุเป็นตะบนใบหน้าเปื้อนยิ้ม

พี่ส้มเป็นสาวตัวกลมใหญ่วัยสี่สิบกลางๆ เป็นคุณแม่บ้านประจำออฟฟิศ รู้จักทุกคนรู้เรื่องทุกเรื่อง พี่ส้มอยู่มาตั้งแต่เริ่มเปิดบริษัท สมัยยังไม่มีซับคอนแทร่กแม่บ้านอีกห้าคนมาดูแลความสะอาดออฟฟิศ พี่ส้มน่ารักนิสัยดีและซื่อสัตย์ ตอนนี้พี่ส้มไม่ต้องทำความสะอาดแล้ว พี่ผู้อำนวยการฝ่ายธุรการเลยเลื่อนตำแหน่งให้พี่ส้มเป็นตำแหน่ง office lady มีหน้าที่ดูแลอุปกรณ์ออฟฟิศต่างๆ น้ำไฟ เครื่องเขียน จัดการของว่างเวลามีประชุมใหญ่ของบริษัท ดูแลตารางงานคนขับรถของบริษัททั้งสี่คน และดูแลความเรียบร้อยของแม่บ้านที่เราจ้างแบบซัพคอนแทร่ก เป็นที่รู้กันว่าใครอยากได้อะไรถามพี่ส้มแล้วทุกอย่างจะมีทางออกเอง ตั้งแต่ซื้อเค้กมาเซอร์ไพรซ์วันเกิดเพื่อนร่วมงาน ฝากซื้อดอกไม้ไปง้อแฟน ฝากซื้อข้าวเที่ยง กาแฟเย็น หรือแม้แต่ฝากซื้อหวยใต้ดิน อิ่มเองแม้ไม่ค่อยได้สุงสิงกับพี่ส้มมากนักเพราะมัวแต่ทำงาน แต่พี่ส้มก็น่ารัก เวลาฝากทำธุระอะไรไม่เคยอิดออดและทำงานให้เรียบร้อยมาโดยตลอด อาหารเที่ยงวันนี้ก็เช่นกัน อิ่มเดินสวนพี่ส้มก่อนเข้าห้องประชุมเมื่อเช้าบอกฝากซื้ออาหาร แล้วยื่นเงินให้ไปอย่างรีบๆ ผลลัพธ์คืออาหารเที่ยงตามสั่งสมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติ

“งั้นวันหลังอิ่มต้องลงไปกินอุดหนุนป้าเค้ามั่งแล้วล่ะ” อิ่มยิ้มกว้างให้พี่ส้ม “ร้อนนะคะข้างล่าง วันไหนคุณอิ่มไม่อยากออกข้างนอก ฝากพี่ซื้ออย่างงี้ก็ได้ค่ะ สะดวกคุณอิ่มกว่า จะได้นั่งทำงานต่อสบายๆ” พี่ส้มพูดไปยิ้มไป “ขอบคุณค่ะ งั้นเดี๋ยวอิ่มทำงานต่อก่อนนะคะ พี่เก็บเงินทอนไว้ได้เลย” อิ่มพูดด้วยเสียงใจดี

“อุ้ยลืมบอกไปค่ะ คุณอิ่มไม่ต้องจ่ายเลย นี่พี่คืนเงินให้ทุกบาทเพราะคุณดนัยเดชเค้าบอกว่าเค้าเลี้ยงค่ะ” พี่ส้มยิ้มและหัวเราะคิกคักพร้อมชี้ไปที่เงินของอิ่มในถาดบนโต๊ะ แล้วก็เดินออกไปจากห้องพร้อมปิดประตูให้อย่างเรียบร้อย ทิ้งไว้แต่ความงุนงงให้อิ่ม

พี่ดนัยเดชผู้อำนวยการแผนกไอทีที่เพิ่งเข้ามาใหม่เนี่ยนะ เขามาเลี้ยงข้าวเราทำไม ตอนประชุมเมื่อวานก็ไม่เห็นพี่เขาพูดอะไรกับเราเลย สงสัยเขาสั่งอาหารเหมือนๆกันเลยจ่ายรวมไปทีเดียวละมั๊ง “กินก่อนเดี๋ยวค่อยไปขอบคุณพี่เค้าละกัน เอาล่ะนะ” อิ่มพูดกับตัวเอง แล้วตักอาหารรับประทานพร้อมกับแล้วยกคอมพิวเตอร์แล่บท๊อบมาวางหน้าจานอาหารหันหลังจอให้ประตู เพื่อที่ว่าถ้ามีใครโผล่เข้ามาจะได้ไม่เห็นว่ากำลังทำอะไรอยู่

อิ่มเปิดอินเตอร์เน็ต หาข้อมูลการเป็นคนเขียนรีวิวอาหารต่อจากเมื่อเช้า อิ่มลองหาข้อมูลภาษาไทย ไม่ค่อยมีใครเขียนอะไรไว้มากนัก แต่พอหาภาษาอังกฤษมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น 5กฎเหล็กการเป็น food bloggerที่ประสบความสำเร็จ, 10 เทคนิกการทำให้มีคนติดตามเราเยอะๆ ในเฟสบุ๊คและโซเชียลมีเดียอื่นๆ, เวลาทองของการลงรูป, วิธีการถ่ายรูปอาหารด้วยมือถือให้น่ากินอย่างง่ายๆ, Hashtag ช่วยโปรโหมตเพจหรือแอคเค้าของคุณในโลกโซเชียลได้อย่างไร? หรือ การมีแพลตฟอร์มหรือ ช่องทางการนำเสนอหลากหลายช่วยให้ การเป็น food blogger ง่ายขึ้นจริงหรือ? อิ่มบ่นเบาๆกับตัวเอง “ที่ผ่านๆมานี่ฉันเป็นคนรีวิวอาหารเป็น food blogger มือสมัครเล่น สะเป่ะสะป่ะมากเลยนะเนี่ย อยากลงอะไรก็ลง อยากลงเมื่อไหร่ก็ลง อยากเขียนอะไรก็เขียน ที่คนมาติดตามนี่คือฟลุ๊กล้วนๆ” อิ่มนั่งคิดกับตัวเอง เท่าที่อ่านๆดู การจะเป็น food blogger หรือคนรีวิวอาหารมันไม่ยากหรอก แต่ว่าจะเป็น food blogger ที่ดี ที่เก่งและที่ประสบความสำเร็จ มันต้องขยัน จริงจังและมียุทธศาสตร์ที่ดีด้วย

เธอสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดแล้วปล่อยลมหายใจยาวๆออกเป็นการตั้งสมาธิฉบับรวบรัด เมื่อเธอตัดสินใจเป็นฟู้ดบล๊อกเกอร์อย่างจริงจัง มันต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วทำแผนปฏิบัติการไปสู่การประสบความสำเร็จตามเป้าหมายนั้นให้ได้ อิ่มหยิบปากกาแล้วเขียนปณิธานลงบนกระดาษเปล่าเป็นว่า “ฉันจะเป็นฟู้ดบล๊อกเกอร์ที่ขยัน จริงใจ และประสบความสำเร็จ” อิ่มยิ้มให้กำลังใจตัวเอง เสียงนาฬิกาเตือนว่าบ่ายโมงแล้ว อิ่มรวบช้อนส้อม แล้วบันทึกข้อมูลที่หามาเก็บใส่แฟ้มไว้อ่านในคอมพิวเตอร์ แล้วยังส่งเข้าอีเมลส่วนตัวของตัวเองอีกด้วย เผื่อกันพลาดว่าถ้าคอมพิวเตอร์เป็นอะไรไป ข้อมูลจะยังมีอยู่ในอีเมลด้วย ไม่ได้หายไปทั้งหมด แล้วก็กลายสภาพตัวเองกลับไปเป็นพนักงานออฟฟิศผู้ขยันขันแข็งตามเดิม

---------------------------------------------------------------------

 

ที่โฮมออฟฟิศตึกแถวสามชั้นสีขาวแห่งหนึ่งในย่านเลียบทางด่วนถนนรามอินทราเอกมัย ชั้นล่างตรงโต๊ะประชาสัมพันธ์มีตัวหนังสือสีสดใสเขียนว่า Easy Reservation บรรยากาศแตกต่างกับออฟฟิศบนตึกสูงระฟ้าอย่างสิ้นเชิง หญิงสาวร่างบอบบางผมยาวคนหนึ่งถือสมุดเล่มบางๆและแท๊บเล็ดจอขนาดใหญ่ เดินมุ่งหน้าขึ้นไปที่ชั้นสองตรงห้องด้านในสุดประตูกระจกฝ้าขุ่นๆที่มีป้ายเขียนว่า “ผู้จัดการทั่วไป” เธอเคาะประตูเบาๆ

“เชิญครับ” เสียงผู้ชายทุ้มเข้มขานรับเสียงเคาะประตู เมื่อประตูเปิด เผยให้เห็นผู้ชายหน้าตาสะอาดสะอ้าน ผิวขาวเหลือง จมูกโด่งเป็นสัน ผมรองทรง ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวลายทางลงสีน้ำเงินสลับขาว แต่พับแขนเสื้อขึ้นหลวมๆ ดูดีตามมาตรฐานชายไทยวัยสามสิบกลางๆทั่วไป ไม่ได้หล่อเหลาเอาการอะไรแต่น่าจะเรียกได้ว่าดูดีแบบที่หาได้ทั่วไปตามออฟฟิศและห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆกลางกรุงเทพ เขากำลังเซ็นเอกสารอยู่หลายแฟ้ม จอคอมพิวเตอร์ด้านหลังแสดงหน้าเวบไซท์เกี่ยวกับอาหาร มีรูปภาพร้านอาหารแสดงขึ้นบนจอมากมาย

“พี่อัคคะ รุ่งเพิ่งหาบล๊อกเกอร์มาร่วมงานกับเราได้แค่สิบกว่าคนแต่ยังมีเวลาอีกเกือบสองอาทิตย์น่าจะหาได้ครบทันเวลาค่ะ” เธอพูดกับเขาในขณะก้าวเข้าไปในห้องทำงานนั้น “นั่งก่อนสิรุ่ง ขอบใจมากนะที่พักงานที่บ้านมาช่วยพี่ทำโปรเจคนี้ ทั้งช่วยคิดคอนเซปท์ทั้งหาบล๊อกเกอร์แล้วก็หาร้านอาหารมาร่วมโปรเจคเพิ่ม แอ๊บพลิเคชั่นจองโต๊ะอาหารของบริษัทเราจะได้มีอะไรที่น่าสนใจมากขึ้น แล้วนี่มีบล๊อกเกอร์คนไหนน่าสนใจเป็นพิเศษไหม” อัครพลพูดด้วยสายตายิ้มแย้ม

“พวกเก๋าๆใหญ่ๆ เขาเน้นเขียนคอลัมน์แค่เขียนบล๊อกหรือรีวิวออนไลน์กันไม่ค่อยเป็นค่ะพี่ พวกบล๊อกเกอร์เด็กๆรุ่นใหม่ๆก็มีเยอะมากตอนนี้เต็มตลาดประเทศไทยไปหมด รุ่งต้องมาเฟ้นๆเลือกหาแบบที่มีคุณภาพ กินเองจริง เขียนรีวิวเองจริง เลยใช้เวลาหน่อยค่ะ” หญิงสาวอธิบายวิธีการทำงานของเธอ

“ดีแล้วล่ะ ถ้าได้พวกเก๋าๆ แอคเค้าท์ใหญ่ๆไม่พอ ก็ลองให้โอกาสบล๊อกเกอร์หน้าใหม่บ้างก็ได้นะ เอาให้ได้ครบยี่สิบคน จะได้เริ่มโปรเจกกันได้เลย พี่เชื่อมือรุ่งอยู่แล้ว มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกมานะ” ชายหนุ่มหยิบเอกสารมาเซ็นชื่อต่อ

“ขอบคุณค่ะพี่อัค เดี๋ยวรุ่งค่อยๆหาไป หาฟู้ดบล๊อกเกอร์ดีๆที่ยอมมาทำงานกับเรานี่ใช้เวลาหน่อยนะคะ” รุ่งยิ้มให้รุ่นพี่ซึ่งตอนนี้กลายสภาพเป็นเจ้านายของเธอไปแล้ว และเดินออกมาจากห้องของผู้จัดการที่วไป ผ่านหน้าห้องประชุมของสำนักงานที่มีจอภาพแบบเคลื่อนไหวไปมาได้พร้อมรูปร้านอาหารสวยงามและมีตัวหนังสือเขียนว่า “การจองร้านอาหารจะไม่ยุ่งยากอีกต่อไป ด้วย Easy Reservation ออนไลน์และยืนยันได้ทันทีพร้อมส่วนลดพิเศษ"

 

-------------------------------------------------------------------------

อิ่มเอาคอมพิวเตอร์ไปวางไว้ที่เดิมแล้วต่อเข้าจอใหญ่ ทำงานต่อ มีอีเมลเด้งตึ๊งขึ้นมาจากผู้อำนวยการใหญ่พร้อมเครื่องหมายตกใจ แปลว่าสำคัญและด่วน อิ่มรีบเปิดกวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว มะรืนนี้อิ่มต้องไปประชุมที่สิงค์โปร์เป็นเวลาอาทิตย์นึง เป็นการประชุมใหญ่ที่ทุกภูมิภาคทั่วโลกจะมาประชุมกัน ปกติจัดที่สำนักงานใหญ่ที่นิวยอร์กแต่ปีนี้นายใหญ่ที่นิวยอร์กมาประชุมระดับโลกที่สิงค์โปร์พอดี เลยเป็นที่เอเชียได้จัดงาน ปกติทุกปีอิ่มไม่ได้มีโอกาสไปประชุมใหญ่และสำคัญขนาดนี้หรอกเพราะตำแหน่งยังไม่สูงพอและอิ่มก็ไม่เคยอยากจะไปกระทบไหล่คนใหญ่คนโตขนาดนั้นด้วย สงสัยปีนี้เห็นจัดใกล้ๆเลยให้บินไปเป็นลูกกระจ๊อกวิ่งงานตามปกติ เอ๊ะ ย่อหน้านี้เขียนว่า คุณอมรินทรา ให้เตรียมพรีเซนต์เรื่องผลงานหกเดือนของปีนี้เทียบกับผลประกอบการห้าปีที่ผ่านมา ดูการเติบโต เทรนด์แนวทางและชี้ถึงโอกาสที่จะเป็นไปได้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้งหมด ขอดูร่างการนำเสนอพรุ่งนี้บ่าย พร้อมนัดประชุมที่ห้อง ผ.อ.ใหญ่พร้อมกับผ.อ.แผนกเลย เฮ้ย นี่จะให้พูดด้วยเหรอ สงสัย ผ.อ.ไปไม่ได้แน่เลย ผ.อ.ใหญ่ถึงมาใช้เราทำ ข้อมูลมากมายต้องวิเคราะห์ ให้เวลาไม่ถึงวันจะดูร่างดร๊าฟแรก โอ๊ย แล้วอย่างนี้จะเอาเวลาที่ไหนมาหาข้อมูล food blogger ได้เล่า เก็บไว้ก่อนละกัน เดี๋ยวมาทำต่อนะ

อิ่มหายใจเข้าลึกๆ กดโทรศัพท์เรียกข้าวเหนียวเข้ามาในห้อง “มะรืนพี่ต้องไปสิงค์โปร์หนึ่งอาทิตย์นะ ออกเช้ากลับ วันอาทิตย์บ่ายๆ ไปประชุมใหญ่ประจำปีของบริษัท ข้าวเหนียวช่วยดูตั๋วเครื่องบินให้พี่ด้วย การบินไทยก็ดีนะอุดหนุนของไทย ไม่งั้นก็สิงค์โปร์แอร์ไลน์ อะไรที่บินตรงน่ะ เอาเวลามาให้พี่เลือกซัก 2-3 เที่ยวบิน ส่วนโรงแรม ไปถามพี่หน้าห้อง ผ.อ.ใหญ่นะ ท่านนอนที่ไหน ถ้าไม่เกินงบบริษัทก็หาห้องให้พี่นอนที่โรงแรมเดียวกันจะได้คุยงานกันสะดวก แต่ถ้าเกินงบก็เดี๋ยวพี่หาโรงแรมใกล้ๆนั่นเองก็ได้” อิ่มสั่งงานเป็นฉากๆ

“ได้ค่ะแต่ไปสิงค์โปร์ พี่อิ่มได้นั่งชั้นประหยัดนะคะ ตามกฏบริษัทมันไม่ไกลพอที่จะนั่งชั้นธุรกิจค่ะ” ข้าวเหนียวตอบอิ่มด้วยสายตาลังเลปนกังวล “โอ้ย เหนียวเอ้ย ไม่มีปัญหาเลยจ้ะ กฎว่ายังไงก็เอาตามกฎเลย”อิ่มตอบสั้นๆแล้วยิ้มให้เลขาตัวกลมของเธอ “โล่งอกไป ดีใจจังค่ะที่พี่อิ่มเป็นคนง่ายๆ ที่ทำงานเก่าหนูนะคะ ถ้าเจ้านายไม่ได้บินชั้นธุรกิจเนี่ย ระเบิดเป็นฟืนเป็นไฟแน่ค่ะ” ข้าวเหนียวรำลึกความหลัง

“หัวโขนทั้งนั้น จะตำแหน่งสูงแค่ไหน เราก็ลูกจ้างเค้าเหมือนกันแหล่ะจ้ะ วันนึงถ้าเราทำงานให้เค้าไม่ได้ อย่าว่าแต่นั่งชั้นประหยัดเลย ตำแหน่งงานหรือโต๊ะทำงานจะนั่งก็คงไม่มีให้ด้วยซ้ำไป ตอนนี้ทำอะไรได้ก็ทำกันไปนะ” อิ่มอธิบายให้เด็กสาวตรงหน้าฟัง

“พี่อิ่มเก่งจังนะคะได้ไปงานประชุมใหญ่ด้วย หนูเคยได้ยินแต่ว่าเค้าให้แต่ระดับผู้อำนวยการไป ไม่เคยเห็นผู้จัดการอาวุโสไปได้ซักทีค่ะ” สาวร่างกลมพูดจบแล้วยิ้มกว้าง

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เค้าสั่งมา พี่ก็ไป ขอพี่ไปเตรียมทำพรีเซ็นต์นำเสนองานก่อนนะ ฝากเรื่องตั๋วกับโรงแรมด้วย” อิ่มพยักหน้าให้เลขาอารมณ์ดีของเธอ เป็นสัญญาณว่าจบเรื่องแล้วและเธอพร้อมจะไปทำงานเรื่องอื่นต่อไป

“ได้เลยค่ะ มีอะไรให้หนูช่วยอีกก็บอกมาเลยนะคะ อ่อ พี่ดนัยเดชเค้าก็ไปด้วยนะคะ เห็นเลขาของเค้าว่าพี่เขาอยากนั่งเครื่องบินที่ติดกับพี่อิ่มด้วย” ข้าวเหนียวยิ้มด้วยแววตามีเลศนัย แล้วออกจากห้องไปพร้อมปิดประตูให้เอย่างเรียบร้อย

“อะไรของพี่ดนัยเดชเขานะ เดี๋ยวเลี้ยงข้าว เดี๋ยวนั่งติดกัน จะมาใช้งานอะไรเราอีกล่ะ” อิ่มสะบัดหัวบอกตัวเองว่าอย่าไปคิดมาก แล้วกลับมาเปิดตารางเอ๊กเซลล์ในคอมพิวเตอร์ พร้อมหยิบแฟ้มหนาๆด้านหลังโต๊ะมาดูประกอบกัน แล้วพิมพ์อะไรรัวๆลงในอีเมลยาวหลายย่อหน้า

 

--------------------- จบตอนที่3 --------------------

<<Previous อ่านตอนที่ 2 คลิ๊กที่นี่ <<

>>Next อ่านตอนที่ 4 คลิ๊กที่นี่>>

 

Visitors: 46,373