ตอนที่ 8: อาหารทะเลกับอาหารหัวใจ Seafood and Soul food
<<Previous อ่านตอนที่7 คลิ๊กที่นี่ <<
>>Next อ่านตอนที่ 9 คลิ๊กที่นี่ >>
ตอนที่ 8: อาหารทะเลกับอาหารหัวใจ Seafood and Soul food
หญิงสาวจิบกาแฟลาเต้ฟองนุ่มกลิ่นวนิลาหอมหวานในมือพลางทำงานไปด้วยอย่างคล่องแคล่ว ข้างหน้าเธอคือเอกสารหลายกองตั้งสูงอย่างไม่เป็นระเบียบเต็มพื้นที่โต๊ะทำงาน ทั้งตารางทั้งกร๊าฟทั้งตัวหนังสือภาษาไทยและภาษาอังกฤษเต็มไปหมดจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ข้างๆโต๊ะนั้นก็แสดงภาพโปรแกรมเอ๊กเซลมีไพวอทอะไรมากมายมองแล้วชวนลายตา ช่างแลดูเป็นเช้าวันทำงานที่ไม่ค่อยน่าอภิรมณ์นัก อิ่มใช้สองมือขยี้หัว การจะยืนยันแผนงานของไตรมาสสุดท้ายของปีนี้กับลูกค้าทั้งแปดประเทศ มันช่างซับซ้อน ไหนจะต้องมาคิดขั้นรายได้ค่าคอมมิชฉันให้ลูกน้องฝ่ายขายในทีม ไหนจะของตัวเอง จะสิ้นปีแล้วต้องมีการประเมินงานกับคนในทีมหมดเพื่อจะวัดความสำเร็จและจัดลำดับโบนัส ตัวอิ่มเองก็ต้องถูกประเมินจากเจ้านายเช่นกันรวมทั้งการนำเสนอแผนงานของไตรมาสที่สี่และคอนเซปของแผนงานปีหน้าทั้งปีด้วย การเตรียมตัว เตรียมข้อมูลและเตรียมเอกสารไปคุยอวดอ้างสรรพคุณและความสำเร็จของตัวเองกับเจ้านายฝรั่งนี่ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย วัฒนธรรมในแต่ละองค์กร แต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกัน ในเมื่ออิ่มมาทำงานให้องค์กรฝรั่งก็ต้องคิดและต้องทำแบบฝรั่งให้ได้ดี เพื่อจะได้เติบโตไปได้
วันนี้ความรู้สึกของอิ่มไม่เหมือนทุกๆปีที่ผ่านมา กระประเมินงานคราวนี้แม้ว่าอิ่มจะมั่นใจว่าผลงานตัวเองเข้าเป้าทุกอย่างไม่มีอะไรให้กังวล แต่ว่าอิ่มไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนทุกที เพียงแค่ทำๆไปให้จบๆเสร็จพิธี อาจเพราะว่าในวันนี้งานประจำที่ออฟฟิศนี้ไม่ใช่งานเพียงอย่างเดียวที่อิ่มให้ความสำคัญแล้วก็เป็นได้ จิตใต้สำนึกของอิ่มบอกตัวเองว่า ทนๆทำไปเถอะเงินมันดี รวยแล้วค่อยลาออก ตอนนี้เอาเวลาที่ว่างและจินตนาการรวมถึงความทุ่มเทไปให้ FoodSpace ดีกว่า แต่ไม่รู้ทำไมสัปดาห์นี้อิ่มอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
เสียงโทรศัพท์สั่นหงึกๆๆ บนโต๊ะทำงานทำให้อิ่มต้องละสายตาจากจอคอมที่มีตารางถี่ยิบและกร๊าฟสี่ชั้น เพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พอเห็นว่าเป็นข้อความจากพี่แดนเธอก็รีบเปิดอ่าน ข้อความส่งมาเป็นภาษาอังกฤษแปลความได้ว่า “ขอบคุณที่ให้พี่เกาะมาทำงานตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานะครับ รถพี่เสร็จแล้ว เย็นนี้ให้เกียรติไปทานข้าวกับพี่ ให้พี่ได้ตอบแทนอิ่มบ้างนะครับ” ทันทีที่อิ่มอ่านข้อความจบก็อดยิ้มไม่ได้
พี่แดนนี่น่ารักกับเธอมาก พูดเพราะ ออกจะปากหวานเสียด้วยซ้ำไป ให้เกียรติ และดูแลอิ่มดีมากตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ห้าวันที่มีเขามาขับรถแทนเธอได้แปลงร่างเป็นคุณนายอิ่ม นั่งจิบกาแฟหอมๆ ฟังพี่เค้าชวนคุยสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อย พี่เค้าเล่าเรื่องตลกๆสมัยไปเรียนที่อเมริกาให้ฟัง
พี่แดนไปเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังแถบฝั่งตะวันออกของประเทศแล้วทำงานต่ออีกหลายปีแแต่อิ่มไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเพียงปีเดียวในเมืองที่ไกลผู้ไกลคนมากๆบอกชื่อไปก็ไม่มีใครรู้จัก ประสบการณ์อาจจะเทียบกันไม่ค่อยได้ แต่เรื่องฝึกภาษาอังกฤษนี่เขาและเธอคุยกันได้เป็นชั่วโมงๆ อิ่มจำได้ดีว่าสมัยที่เธอได้ทุนไปเรียนนั้นภาษาอังกฤษของเธอก็ยังจัดว่าไม่ดีมาก แบบที่คนไทยเรียกสเน็กๆฟิชๆ หรืองูๆปลาๆอยู่มาก ตอนแรกเธอฟังฝรั่งพูดพอเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่พอเธอพูดอะไรออกไปฝรั่งไม่เข้าใจเธอเลย อิ่มเล่าให้แดนนี่ฟังว่าตอนเธอไปอยู่อเมริกาแรกๆอิ่มจึงเมื่อยมือมากเพราะใช้ภาษาใบ้เสียเป็นหลัก ต้องล่วงเข้าเดือนที่สามนั่นแหล่ะ ทุกอย่างถึงค่อยลงตัว สื่อสารกับใครๆได้ไม่ลำบากนัก พี่แดนนี่ก็เข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดีเพราะเขาก็ผ่านประสบการณ์อย่างนั้นมาเหมือนกัน แต่สำหรับเขาเป็นเดือนที่ห้ากว่าที่ชีวิตในอเมริกาจะเริ่มลงตัว ห้าวันที่นั่งรถมาทำงานด้วยกันเป็นช่วงเวลาที่อิ่มรู้สึกเพลิดเพลินมาก
“ตั้งห้าวัน ไหนจะต้องทนฟังที่แดนนี่โม้อะไรอีกตั้งเยอะ ค่าตอบแทนนี่ต้องอร่อยมากพอตัวเลยนะคะ” เธอพิมพ์ข้อความตอบกลับไปอย่างทีเล่นทีจริง ไม่ถึงหนึ่งนาทีต่อมา โทรศัพท์ของอิ่มก็สั่นหงึกๆขึ้นมาอีก เขาตอบกลับมาแล้ว
“สัญญาว่าค่าตอบแทนอร่อยแน่นอนครับ เย็นนี้พี่ไปรับที่คอนโดตอนทุ่มนึงนะครับ โอเคนะคร๊าบบ” แม้เป็นข้อความตัวหนังสือ แต่อิ่มสามารถได้ยินเสียงหวานๆของเขาลอยมาตามสัญญาณโทรศัพท์ในอากาศได้เลย อ่านข้อความเสร็จ อิ่มก็ยิ้มกว้าง ทำไมกับพี่แดนเธอรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้สื่อสารกัน ไม่ต้องคิดรอบที่สองเลย กะอีแค่ออกไปกินข้าวเธอไปอยู่แล้ว แต่อิ่มยั้งมือก่อนตอบข้อความไป
อิสตรีอย่างเราควรจะเล่นตัวนิดนึงสินะ รอแป๊บนึงค่อยตอบดีกว่า เดี๋ยวเขาหาว่าเราไม่มีอะไรทำตั้งหน้าตั้งตารอข้อความเขาอย่างเดียว อิ่มจึงวางโทรศัพท์แล้วหันไปทำงานต่ออย่างอารมณ์ดี เพียงครู่สั้นๆ โทรศัพท์ของอิ่มก็สั่นหงึกๆขึ้นมาอีก อิ่มคิดในใจ นี่พี่แดนจะใจร้อนไปไหนกันนะ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูปรากฎว่าเป็นเบอร์บริษัทจองโต๊ะอาหารแสดงขึ้นที่หน้าจอโทรศัพท์ อิ่มคิดในใจ สงสัยคุณรุ่งมีงานเรียกใช้ไปรีวิวอาหารอีก
เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา อิ่มไปรีวิวร้านอาหารให้บริษัทนี้มี เจ็ดร้านแล้ว อิ่มสนุกและชอบมาก แอบเอาเวลาทำงานที่ออฟฟิสมาอัพรูปบ้าง แอบเช็คเรทติ้งบ้าง ตอบคอมเม้นท์ลูกเพจบ้าง ด้วยผลงานที่ไม่ได้ตกต่ำลงจึงไม่มีใครว่าอะไรเธอ อิ่มบอกกับตัวเองว่าต้องทำเสียงสดใสรับสายซักหน่อย
“ฮัลโหล หวัดดีค่า อิ่มพูดสายค่า” อิ่มพยายามปรับเสียงให้ดูร่าเริง มองโลกแง่ดี แบ๊วนิดๆ เป็นกันเอง เข้ากับคนง่าย สบายๆ พอพูดจบอิ่มก็ตระหนักว่ามันไม่ใช่ตัวตนของอิ่มเอาเสียเลย ท่าทางต้องกลับไปเป็นป้าอิ่มคนเดิมจะง่ายกว่า
“สวัสดีครับคุณอิ่ม ผมอัคจาก Easy Reservation นะครับ สะดวกคุยได้ไหมครับ” เสียงที่ปลายสายทักทายมาอย่างอารมณ์ดีเช่นกัน
“เอ่อ ค่ะ คุณอัค มีอะไรให้รับใช้คะ?” อิ่มตอบไปด้วยเสียงปกติ ไม่ได้แอ๊บสดใสกว่าวัยอีกต่อไป แหม นึกว่าเด็กๆหรือคุณรุ่งโทรมา เป็นอีตาอัคนี่เอง ไปรีวิวร้านอาหารมาเจ็ดร้านนี่ไม่เคยได้เจอกันเลย งานเขียนรีวิวของอิ่มก็ไม่รู้ว่าเค้าจะได้อ่านบ้างรึเปล่า โทรมาเองอย่างงี้ มีอะไรรึเปล่านะ
“คือเรากำลังเปิดตลาดใหม่ ขยายแอ๊บไปมีส่วน Easy Reservation, Hua Hin จองโต๊ะที่ร้านอาหารที่หัวหินด้วยครับ ตอนนี้มีร้านเข้ามาร่วมในเครือข่ายของเราแล้วกว่า ยี่สิบกว่าร้าน เรากำลังจะมีการร่วมกันออกโปรโมชั่นเป็นบัตรกำนัลหรือเวาเช่อร์กับร้านต่างๆเหล่านี้ด้วย เพื่อเป็นการกระตุ้นให้คนไปรับประทานในราคาถูกแบบโปรโมชั่น ร้านอาหารก็จะได้เป็นที่รู้จักมากขึ้นและได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น ส่วนเราก็จะได้ค่าโฆษณาและคอมมิชชั่นเล็กน้อยครับ ผมตื่นเต้นกับส่วนขยายนี่มากเลย” อัคอธิบายตามสายโทรศัพท์มาอย่างยาวเหยียด
“ค่ะ ดีจังเลยค่ะ แผนธุรกิจของคุณอัคนี่เติบโตเร็วเกินเป้าเลยนะคะเนี่ย” อิ่มชื่นชมและแซวกลับไปในขณะเดียวกัน
“คือ ผมตั้งใจจะโทรมาถามคุณอิ่มว่า สนใจไปรีวิวสองสามร้านแรกกันที่หัวหินเสาร์อาทิตย์นี้ไหมครับ ทางเราจะดูแลบล๊อกเกอร์เป็นอย่างดี ไปฟรีกินฟรีอยู่ฟรีเลยครับ เพราะมีร้านนึงเป็นของโรงแรมด้วย เค้าเลยให้ห้องพักเราด้วยครับ ส่วนที่เหลือทางบริษัทผมจะเป็นคนจัดการให้ทั้งหมดครับ”
“ทะเล” สิ่งแรกที่พุ่งผ่านมาในความคิดอิ่มคือ ทะเลและท้องฟ้าใสๆหาดยาวๆกับเสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง ลมทะเลเย็นๆที่เธอชื่นชอบ อิ่มคิดถึงทะเลปีที่ผ่านๆมานี้งานหนักหนาสาหัส เธอจึงไม่ได้ไปทะเลแบบไม่ได้ไปประชุมมานานมากแล้ว จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปทะเลเพื่อท่องเที่ยวครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ อันนี้ไปทำงานฟู้ดบล๊อกเกอร์ ไปฟรีกินฟรีอยู่ฟรี เสาร์อาทิตย์ด้วยไม่ต้องลางาน
คำตอบผุดขึ้นมาในใจด้วยความเร็วแสงว่า โอ๊ยไปอยู่แล้วค่า แต่ก่อนที่ปากจะพูดตามที่ใจคิดนั้น อิ่มก็ฉุดคิดขึ้นได้ว่า ต้องทำเป็นคิดหรือทำเป็นยุ่งนิดหน่อยรึป่าวนะ ถ้าตอบไปทันทีเลยเขาจะรู้ว่าเราว่างงาน ไม่มีที่อื่นไปรีวิวด้วยตัวเองรึเปล่านะ
“ฮัลโหล คุณอิ่มยังอยู่ในสายรึเปล่าครับ” เสียงอัคในโทรศัพท์ ทำให้อิ่มหยุดคิดกับตัวเอง และสรุปยุทธศาสตร์การตอบคำถามทันที
“ค่ะ อยู่ค่ะ เอิ่ม ขอโทษทีค่ะ อิ่มกำลังดูตารางงานอยู่ค่ะ ไม่มั่นใจว่าว่างรึเปล่า เสาร์อาทิตย์นี้” พูดจบอิ่มก็จิกหัวตัวเอง โห นี่มันบทสนทนาแนวนางเอกเล่นตัวเลยนี่หว่า ถ้าบริษัทไม่ง้อแล้วชวนบล๊อกเกอร์คนอื่นไปแทน อิ่มคงเสียใจแย่ อิ่มได้แต่ภาวนะให้อีตาคุณอัควัตถุสิ่งแข็ง ตื้อเธออีกซักนิด นิดเดียวแหล่ะ ก็จะตกลงแล้ว
“ผมอยากให้คุณอิ่มไปนะครับ เท่าที่ติดตามงานรีวิวของคุณอิ่มมา ผมว่าคุณอิ่มเขียนได้ดี ถ่ายรูปเองก็สวย สำหรับบล๊อกเกอร์มือใหม่หัดรีวิวมาไม่ถึงปี ผมว่ารีวิวของ FoodSpace โดดเด่น จริงใจดีครับ งานนี้ผมมีโควต้าเชิญบล๊อกเกอร์ไปประเดิมรีวิวที่หัวหินได้แค่สี่ท่าน คุณอิ่มพอจะช่วยเคลียร์คิวให้งานนี้ได้ไหมครับ” ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เฮ้ย เค้าชมเราด้วยอ้ะ แสดงว่าที่เขียนๆรีวิวไปให้หกเจ็ดร้านที่ผ่านๆมานี่ได้อ่านงานของเราด้วยล่ะสิ ทีนี้จะตอบไปยังไงล่ะเนี่ยให้ดูไม่ว่างงานและไม่ตื่นเต้นออกนอกหน้าจนเกินไปกับทริบทะเลครั้งนี้ อิ่มรีบคิดแล้วรีบตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เหมือนว่าไม่ได้มีความสนใจอะไรเป็นพิเศษ
“ขอบคุณที่อ่านรีวิวของอิ่มนะคะคุณอัค คือ จริงๆแล้วเสาร์นี้อิ่มมีนัดตอนบ่ายน่ะค่ะ แต่ถ้าคุณอัคคิดว่าอิ่มเหมาะที่จะเป็นหนึ่งในสี่บล๊อกเกอร์ที่ไปประเดิมรีวิวที่หัวหินคราวนี้ อิ่มก็จะพยายามเลื่อนนัดของอิ่มไปเป็นอาทิตย์หน้าค่ะ” พูดเสร็จเธอก็กัดปากตัวเองเบาๆ มันฟังดูโอเคใช่ไหมนะ
“โอ้ ดีเลยครับ วันเสาร์นี้ รบกวนมาเจอกันที่ออฟฟิศผม แปดโมงเช้าเลยนะครับ รถตู้จะออกแต่เช้าหน่อย จะได้ไปถึงทันรับประทานอาหารเที่ยงพอดี” เสียงทางปลายสายอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างชัดเจน
“ค่ะ น่าจะได้ค่ะ” อิ่มตอบไปแล้วก็ยิ้มหน้าบาน ในหัวมีแต่ความคิดที่ว่าจะได้ไปทะเลแล้ว ไปในฐานะฟู้ดบล๊อกเกอร์ด้วย อิ่ม ปิดปากตัวเองแล้วแอบกรี๊ดดีใจเบาๆ พยายามไม่ให้เสียงเล็ดลอดเข้าไปในโทรศัพท์
“ผมดีใจจังครับ ที่คุณอิ่มไปด้วย” เสียงทุ้มๆจากอีกฝั่งนึงลอยมาตามสาย ประโยคสั้นๆแต่ฟังดูน้ำเสียงมีอะไรลึกๆลับๆ เขาคงดีใจที่มีบล๊อกเกอร์ไปครบสี่คนจะได้ทำให้แผนธุรกิจของเขาเป็นไปตามที่วางแผนเอาไว้
“ขอบคุณที่โทรมาชวนค่ะ แล้วพบกันค่ะ” อิ่มวางสายโทรศัพท์ ยิ้มหน้าบานกับตัวเอง นี่เราได้เป็นบล๊อกเกอร์จริงจังถึงขั้นได้ไปรีวิวร้านอาหารที่หัวหินด้วยแล้วนะเนี่ย งานนี้ได้ไปเที่ยวด้วย ได้ไปกินอาหารอร่อยๆด้วย ได้ไปรีวิวอาหารและร้านด้วย และที่สำคัญ ทั้งหมดนี้ฟรี และเขียนรีวิวเสร็จจะได้ตังค์ค่าขนมนิดหน่อยด้วย นี่มันฝันที่เป็นจริงนี่นา มันเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งของการเป็นนักรีวิวอาหารที่อิ่มไม่ได้เคยคิดว่ามันจะมาถึงเร็วอย่างนี้
----------------------------------------------
ความหิวในท้องเริ่มประมวลผลส่งไปถึงสมองในขณะที่กระเพาะอาหารเริ่มส่งเสียงร้องครืดคราด แสงแดดค่อนข้างแรงในยามเที่ยงวันนี้แม้จะอยู่กลางแจ้งก็ไม่ได้ทำให้อิ่มรู้สึกร้อนใจไปด้วยเลย คงเป็นเพราะสายลมเอื่อยๆที่พัดผ่านหน้าไปกับเสียงคลื่นที่ซัดเข้าชายหาดเบาๆอย่างต่อเนื่องตลอดจนวิวน้ำทะเลไกลสุดลูกหูลูกตา ทำให้อิ่มรู้สึกผ่อนคลาย
อิ่มยกมือขึ้นสูงเหนือศีรษะหายใจเข้าลึกสุดปอด อิ่มมาถึงทะเลแล้ว บล๊อกเกอร์คนอื่นๆและ ทีมงานกำลังพักผ่อนอริยาบทอยู่ด้านในร้านอาหาร ทุกคนนั่งรถตู้มาคันเดียวกัน บล๊อกเกอร์คุยกันมาบ้าง หลับบ้าง อิ่มหลับซะเยอะเพราะเมื่อคืนต้องนั่งปั่นรายงานให้เสร็จเพื่อเสาร์อาทิตย์นี้จะได้ไม่ต้องทำงานและสามารถจดจ่ออยู่กับการรีวิวอาหารและผ่อนคลายกับการมาทะเลได้อย่างเต็มที่ อิ่มขอตัวออกมาสูดไอทะเลให้ชุ่มปอดก่อน รู้สึกสบายใจและอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก
ในตอนนี้อิ่มไม่ได้หิวอาหารและอาหารอาจไม่ใช่สิ่งที่จะมาเพิ่มคุณค่าให้ความรู้สึกตอนนี้ก็เป็นได้ หากแต่เป็นท้องน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลสุดสายตา และคลื่นสีขาวๆที่ทยอยซัดเข้าหาฝั่งตลอดจนไอทะเลและลมทะเลเย็นๆ ที่เติมพลังให้เธอได้อย่างวิเศษ ไม่น่าเชื่อว่าการได้มาทะเลวันนี้เพราะการที่เธอเป็นฟู้ดบล๊อกเกอร์ผู้ซึ่งต้องมาปฏิบัติภารกิจนักรีวิวอาหาร อาชีพที่เธอรักและมีความสุขที่ได้ทำ ทุกอย่างเริ่มต้นจากการที่เธอชอบกินและชอบถ่ายรูปสื่อสารกับผู้คนในโลกออนไลน์ มาวันนี้สิ่งที่เธอชื่นชอบนั้นก็เริ่มสร้างผลตอบแทนให้เธอคืนมาบ้างแล้วแม้จะไม่ใช่ในรูปของเงินทองมากมายแต่ความรู้สึกประสบความสำเร็จทางใจนั้น อิ่มรู้ตัวดีว่าอิ่มได้ก้าวมาอีกขั้นหนึ่งแล้ว เสียอย่างเดียวรายได้ที่กลับเข้ามาหาเธอช่างเล็กน้อยเหลือเกินเทียบกับภาระทางการเงินที่เธอมีอยู่ อิ่มเอ๋ย อย่าเพิ่งไปคิดถึงอนาคตอันไกลตัวเลย เปิดรับและอยู่กับความสุขในปัจจุบันนี้ก่อนดีกว่า อิ่มยืนมองวิวทะไลอยู่คนเดียวอย่างผ่อนคลายอยู่พักใหญ่ แล้วค่อยๆเดินกลับข้ามถนนเข้าไปในร้านที่เป็นศาลาหลังคามุมจากใหญ่โต
“พี่อิ่มคะ มานั่งกะหนูตรงนี้เลยค่ะ” น้องเพลิน บล๊อกเกอร์วัยรุ่นทีนเอจ กวักมือเรียกอิ่ม อิ่มพยักหน้าตอบพร้อมยิ้มให้แล้วเดินไปนั่งรวมกับน้องเพลินบล๊อกเกอร์คนอื่นๆ ส่วนทีมงานทั้งคุณอัคทั้งคนรถและเจ้าหน้าที่การตลาด เจ้าหน้าที่ธุรการและเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของบริษัทนั่งอยู่โต๊ะตรงข้าม
อาหารมื้อแรกของการเดินทางเพื่อชิมอาหารในครั้งนี้ เริ่มต้นที่ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำทะเลใส่เห็ดแถวชะอำเป็นร้านโล่ง หลังคามุงจากสูงใหญ่เปิดรับลมทะเลอย่างเป็นธรรมชาติ ร้านอยู่ใกล้ทะเลมากมีเพียงถนนเส้นเล็กกั้นระหว่างร้านและผืนทรายที่ทอดยาวไปบรรจบกับน้ำทะเล ร้านดูสะอาดสะอ้านดี พนักงานแต่งตัวเรียบร้อยใส่เสื้อยืดเหมือนกันเป็นยูนิฟอร์มร้านสีชมพูน่ารักดี บล๊อกเกอร์และทีมงานทุกคนมีหน้าตาพร้อมจะรับประทานกันแล้ว ต่างคนต่างสั่งก๋วยเตี๋ยวไปคนละหนึ่งชามก่อนแล้ว ป้าเจ้าของร้านเป็นคนทำก๋วยเตี๋ยวเองทุกชามอย่างขมักเขม้น มีลูกชายวัยรุ่นช่วยดูแลความเรียบร้อยทั้งหมดในร้าน และเป็นคนมาแนะนำร้านให้ชาวบล๊อกเกอร์ฟัง
“ร้านเราเปิดมาครึ่งปีแล้วครับ จริงๆแม่ทำก๋วยเตี๋ยวมาสี่ห้าปีแล้ว ก่อนหน้านั้นแม่ก็เป็นแม่ครัวอยู่ที่ร้านอาหารดังในกรุงเทพ พอผมเรียนจบก็มานั่งคุยกับแม่จริงจังว่าเราน่าจะทำก๋วยเตี๋ยวในแบบของเราเอง ผมชอบกินต้มยำกุ้งมากแล้วใครๆก็ชมแม่ผมว่าทำต้มยำอร่อยมากน้ำใสก็ได้น้ำข้นก็ดี แม่เลยปิ๊งไอเดียมาทำก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำข้น เหมือนที่ทำต้มยำกุ้งให้ผมกิน เรามีเส้นก๋วยเตี๋ยวทุกแบบครับ บะหมี่ เส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหมี่ หรือเส้นบุกที่กินแล้วไม่อ้วนก็มีครับ ส่วนเครื่องก็มีอาหารทะเลทุกแบบครับ กุ้ง หมึก หอย ปลา เชิญทุกท่านชิมเลยครับ ผมขอพูดไปด้วยเลย จะได้ไม่เสียเวลา” เจ้าของร้านอธิบายขณะที่พนักงานทยอยเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวจนได้ครบทุกคน
บล็อกเกอร์ทุกคนถ่ายรูปอย่างรวดเร็วและเริ่มรับประทานก๋วยเตี๋ยวอย่างเอร็ดอร่อยมีเสียงดังซี๊ดซ๊าด รวมถึงเสียงอุทาน โห อืม ดังมาเป็นระยะๆ อิ่มสั่งเมนู "เส้นเล็กต้มยำมหาสมุทร" ซึ่งคือก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำข้นใส่อาหารทะเลทุกอย่างพิเศษ อิ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปหลายๆมุมทั้งที่เป็นก๋วยเตี๋ยวเฉยๆนิ่งๆ และทั้งคีบอาหารให้ลอยขึ้นมาแล้วถ่ายรูปให้ดูมีชีวิตชีวา พอได้รูปที่พอใจแล้วก็วางโทรศัพท์และเริ่มกิน ก๋วยเตี๋ยวของอิ่มเป็นชามขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่
อิ่มใช้ตะเกียบคีบเส้นขึ้นมากินพร้อมใช้ช้อนตักน้ำก๋วยเตี๋ยวมาชิมในคำเดียวโดยยังไม่กินเนื้อสัตว์ใดๆก่อน เพื่อให้ได้รสชาติพื้นฐานของอาหารชามนี้ก่อน ตัวน้ำซุบต้มยำรสชาติเหมือนน้ำต้มยำกุ้งน้ำข้นเลยใส่เห็ดฟางด้วย น้ำก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำข้นอร่อยเข้มข้น ซดน้ำเข้าไปแล้วมีรสชาติระเบิดอยู่ในปากมากมาย เปรี้ยวนำ เค็มตามมาเบาๆ เผ็ดนิดๆหวานหน่อยๆกำลังดี ส่วนเส้นก็ลวกมานุ่มกำลังดี ราคาก็ดี เริ่มที่ชามละสามสิบห้าบาท จะเพิ่มไข่ต้มยางมะตูมหรือปลาหมึกหรือหอยก็เพิ่มราคาตามความเยอะของเครื่องไป ของอิ่มนี่เป็นชามที่แพงที่สุดของร้าน จึงมีมาทั้งกุ้งทั้งหอยแมลงภู่ทั้งปลาหมึกทั้งไข่ยางมะตูม ราคาก็เลยปาเข้าไปหนึ่งร้อยบาท อิ่มว่าถ้านับรวมความคุ้มค่าแล้ว ถือว่าราคาดีมากๆ อาจจะเพราะเขาไม่ต้องไปเช่าร้านและไม่ต้องตกแต่งหรูหราอะไร ภูมิใจแนะนำเพื่อนมากินได้เลย เป็นก๋วยเตี๋ยวข้างทาง เห็นวิวทะเลที่อร่อยและราคาดีนั่นไง อิ่มได้หัวข้อชื่อรีวิวของร้านนี้แล้ว
“ตอนนี้เส้นใหญ่ต้มยำกุ้งน้ำข้น ขายดีมากครับ แต่อีกอย่างที่กำลังมาแรงก็คือ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำทะเลผัดแห้งครับ ผมอยากให้ชิมกันแล้วฝากประชาสัมพันธ์ด้วยนะครับ น้าผมผัดเองทุกจาน นี่ครับเสร็จพอดี ราคาเริ่มที่จานละสี่สิบบาท” พนักงานยกจานเส้นเล็กต้มยำทะเลผัดแห้งมาเสิร์ฟทุกคน สีสันจัดจ้านและหน้าตาน่ากินมาก บล๊อกเกอร์ยกกล้องและโทรศัพท์มือถือขึ้มาถ่ายรูปกันจ้าละหวั่นจานนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวผัดเครื่องต้มยำน้ำข้นมีน้ำขลุกขลิกสีแดงพริกเผาหอมกลิ่นเครื่องเทศ เส้นก็นุ่มกำลังดี รสชาติเข้มข้นจัดจ้านกว่าตอนเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำ อร่อยคนละแบบ
สิริรวม อิ่มให้คะแนนร้านนี้ สี่ครึ่งเต็มห้าเลย อาหารอร่อย ราคาดี บริการดี มีที่จอดรถได้ หลายคัน แม้ร้านไม่สวยนักแต่สะอาดสะอ้าน เดี๋ยวจะกลับมากินอีก อิ่มรวบตะเกียบและช้อน เงยหน้าขึ้นมาเห็นคุณอัคมองมาจากโต๊ะตรงข้าม เขายิ้มให้เธอแล้วลุกขึ้นไปคุยกับเจ้าของร้านทั้งแม่และลูกชายสั้นๆ คนแม่ยิ้มแย้มหน้าตาเบิกบาน ท่าทางคุณอัคจะไปพูดอะไรให้เขาถูกใจ หัวเราะกันเอิ๊กอ๊าก ทุกคนทยอยลุกขึ้น ลาเจ้าของร้านแล้วกลับขึ้นรถตู้
“พี่รุ่งไม่ได้มาด้วยทริบนี้ ปลาขออธิบายกำหนดการคร่าวๆนะคะ หลังจากที่ชิมร้านแรกเสร็จ ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายโมงครึ่ง ร้านต่อไปที่จะรีวิวคือร้านกาแฟในตลาดหัวหินตอนบ่ายสามค่ะ แล้วตอนเย็นจะเป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยน ตอนนี้เราน่าจะมีเวลาพักผ่อนได้ซักชั่วโมงนึง เราจะไปเช็คอินที่โรงแรมกันก่อนนะคะ อยู่ไม่ไกลนี่เองค่ะ พรุ่งนี้ เราก็รีวิวอาหารเช้าของโรงแรมรวมถึงตัวโรงแรมด้วย ส่วนอาหารเที่ยงพรุ่งนี้เป็นร้านซีฟู้ดโจ๊ะๆแถวเขาตะเกียบนะคะ เสร็จแล้วก็มุ่งหน้ากลับกรุงเทพค่ะ น่าจะกลับไปถึงก่อนหกโมงเย็นค่ะ” เจ้าหน้าที่ของบริษัทอธิบายกำหนดการอย่างคล่องแคล่ว
รถตู้เคลื่อนตัวออกจากร้านก๋วยเตี๋ยว บล๊อกเกอร์แต่ละคนก็นั่งแต่งรูป บ้างก็เขียนรีวิวลงในเพจของตัวเองทันที อิ่มว่าจะไปเขียนที่โรงแรม เพราะเวลาจ้องจออะไรในรถที่เคลื่อนไหวอิ่มจะเวียนหัว เอ นี่เราแก่หรือว่าอะไรเนี่ย
เพียงแค่สิบห้านาทีรถตู้ก็เลี้ยวเข้ามาที่โรงแรม ทีมงานติดต่อเช็คอินห้องพักให้แล้วส่งกุญแจให้ทุกคน “บล๊อกเกอร์แต่ละคนได้นอนห้องเดี่ยวเป็นส่วนตัวนะคะ ส่วนทีมงานนอนแชร์ห้องกันค่ะ ปลาได้นอนห้องใหญ่สามเตียงกับพี่ปัดผู้เป็นไทเฮาธุรการและพี่แพรเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์สาวสวย ส่วนคุณอัค ผู้จัดการบริษัทที่เกือบจะหล่อของเรานอนห้องเดียวกะพี่ศักดิ์คนรถค่ะ อีกหนึ่งชั่วโมงลงมาเจอกันที่ข้างล่างนี่นะคะ จะได้ไปรีวิวร้านกาแฟไม่สายค่ะ ขอบคุณค่ะ” น้องปลาบริฟรายละเอียดอย่างคล่องแคล่ว
อิ่มคิดในใจ คุณอัคนี่ไม่ถือตัวดีนี่นาให้พี่คนรถมานอนห้องเดียวกันด้วย พอได้กุญแจแล้วทุกคนต่างคนต่างแยกย้ายเอากระเป๋าไปเก็บในห้องของตัวเอง อิ่มใช้เวลาล้างหน้าล้างตาไม่นานก็ตัดสินใจลงมาพักผ่อนด้านล่างริมสระว่ายน้ำ อิ่มอยู่ในชุดลำลองสบายๆเสื้อคอโปโลกางเกงขาสี่ส่วน นอนอยู่ที่เตียงริมสระว่ายน้ำที่เห็นวิวทะเลไกลสุดลูกหูลูกตา กินมาอิ่มๆอย่างนี้ นอนอืดผึ่งพุงย่อยอาหารช้าๆเหมือนงูหลามก็สบายดีไปอีกแบบ มีวิวสวยๆให้ดูด้วยยิ่งสบายไปกันใหญ่
มองไปไกลๆอิ่มเห็นคุณอัคเดินอยู่คนเดียวจูงจักรยานแม่บ้านจ่ายตลาดคันนึงลงไปตามทางเดินมุ่งหน้าไปถนนเลียบชายหาด เขาหันมาทางอิ่มและโบกมือทักทาย อิ่มก็โบกมือทักทายตอบ อัคชี้ไปที่จักรยานแล้วกวักมือชวนอิ่ม อิ่มนึกสนุกอยากขี่จักรยานเลียบหาดเลยลุกขึ้นจากเตียงริมสระว่ายน้ำแล้วเดินลงไปที่ถนนเลียบหาด ลมพัดเอื่อยๆทำให้ผมอิ่มปลิวไสว อิ่มคิดในใจฉากทะเลอย่างนี้คล้ายๆละครเรื่องปริศนานะเนี่ย เสียดายเธอไม่ได้เอาหมวกปีกกว้างมาด้วย เสียดายคนขี่จักรยานไม่ได้เป็นท่านชาย ไม่งั้นจะได้ฟิลลิ่งมากกว่านี้อีก
“ผมกำลังจะไปขี่จักรยานครับ รอบใกล้ๆโรงแรมนี่เอง ไปด้วยกันไหมครับ ผมขี่เองคุณอิ่มนั่งสบายๆ กินลมชมวิวไปได้เลยครับ” อัคพูดจายิ้มแย้มตั้งแต่อิ่มยังเดินไปหาไม่ถึงดี อิ่มพยักหน้าตกลง ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องขี่เองให้เมื่อย นั่งไปสบายๆดีกว่า
“ดีค่ะ งั้นรบกวนด้วยนะคะ” พออัคตั้งท่าได้ที่แล้ว อิ่มกระโดขึ้นนั่งที่เบาะหลังเอามือจับเบาะไว้ จะได้ไม่ต้องไปเกาะคนขี่ อัคเริ่มถีบจักรยานไปช้าๆ แดดไม่แรงมากวันนี้ แต่ฟ้าเปิดค่อนข้างมาก เมฆสีขาวๆหลายก้อนลอยไปมาตัดกับฟ้าสีครามเข้ม ลมพัดเย็นๆ วิวสวยๆ มันช่างดีจริงๆ อย่างนี้วัยรุ่นสมัยนี้ต้องพูดว่า ชีวิตดี๊ดี จักรยานก็ไม่ต้องขี่เองด้วยนะ
“ก๋วยเตี๋ยวเมื่อเที่ยงอร่อยดีนะคะคุณอัค” อิ่มเริ่มบทสนทนา
“ครับ ผมก็ว่าอร่อย ผมกับเจ้าของที่เป็นลูกชายกำลังช่วยกันคิดว่าจะทำการตลาดออนไลน์ยังไงดี ให้คนรู้จักมากๆ ขอดีและถูกต้องช่วยเค้าโปรโหมตครับ แต่งานนี้บริษัทอาจจะไม่ได้อะไรในรูปของเงินเท่าไหร่ แต่ก็น่าจะสร้างฐานเครดิตในเขตชะอำหัวหินได้ดีครับ ว่าเราเป็นผู้มาค้นพบและแนะนำร้านอร่อยๆให้คนรู้จัก” เขาตอบขณะมองตรงไปตามทางข้างหน้า
“แหม ดีจังค่ะ คุณอัคนี่เก่งนะคะ เข้าใจหาวิธีทำธุรกิจที่ไม่ต้องพึ่งเงิน และบริษัทก็ได้ประโยชน์ในขณะเดียวกันก็ได้ช่วยชาวบ้านร้านเล็กๆไปด้วยนะคะ” อิ่มพูดชื่นชมเขาจากใจจริง
“แหม ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ อะไรช่วยกันได้ก็ช่วยกันไปครับ ว่าแต่คุณอิ่มไปยังไงมายังไง ถึงได้มาเป็นบล๊อกเกอร์ครับ” เขาถามเธอ
“ชอบกินน่ะค่ะ” อิ่มพูดจบก็หัวเราะร่วน อัคก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย “จริงๆนะคะ อิ่มชอบกินของอร่อยๆ ชอบถ่ายรูป ทั้งอาหารทั้งวิวทิวทัศน์ แล้วก็พอจะเขียนอะไรได้บ้าง ได้ถ่ายทอดอาหารให้มีชีวิตชีวาและรายละเอียดให้คนอื่นดู ทำแล้วมันมีความสุขน่ะค่ะ อีกอย่างงานประจำมันเครียดน่ะค่ะ ปวดใจ ได้มาทำอะไรที่ชอบสลับกันบ้าง ก็ทำให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้อย่างไม่แย่นักน่ะค่ะ” อิ่มเล่าไปยิ้มไป
“คุณอิ่มทำได้ดีเลยนะครับ ตอนนี้เพจก็มีคนตามเยอะมากขึ้นแล้วด้วย ดีใจด้วยครับ ผมชอบดูเวลาคุณอิ่มรีวิว ตรงๆจริงใจดีครับ” อัคพูดชมอิ่มด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“ขอบคุณค่ะ อิ่มไม่ชอบอะไรที่เสแสร้งน่ะค่ะ มันยากที่จะเสแสร้งทำอะไรได้นานๆ อิ่มว่าทำอะไรที่จริงใจมันง่ายดีแล้วไม่ต้องฝืน ในระยะยาวไม่เหนื่อยด้วยค่ะ” อิ่มตอบอย่างอารมณ์ดี
“แล้วส่วนเวลาทานอาหารคุณอิ่มก็เต็มที่ดีนะครับ ไม่ห่วงสวย ไม่ห่วงลุคอะไรมากเกินไป” เขาพูดจบแล้วหัวเราะเบาๆ
“นี่ชมหรือด่ากันแน่คะเนี่ย แล้วคุณอัคเคยเห็นตอนอิ่มกินเหรอคะ” อิ่มถามกลับอย่างตกใจเล็กน้อย เขาไปเห็นเรากินมูมมามตอนไหนกันนะ “ชมสิครับ ผมก็เพิ่งเห็นที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเมื่อกี๊แหล่ะครับ คุณอิ่มทานอาหารแบบสบายๆดีไม่ต้องมานับแคลลอรี่ให้ปวดหัว ทั้งตัวเองทั้งเพื่อนร่วมโต๊ะ ผมเคยเจอผู้หญิงสมัยนี้หลายๆคน กว่าจะกินอะไรได้ เปิดแอ๊พฯนับแคลอรี่อยู่นั่น เห็นแล้วผมว่ามันแปลกๆไม่เห็นจะน่ารักน่าอยู่ด้วยตรงไหน ทำคนทั้งโต๊ะเลยพลอยเครียดกันไปด้วยเลย” อัคพูดจบแล้วส่ายหัว
“พวกสาวๆเด็กๆเอ๊าะมังคะ อิ่มก็ปาเข้าไปสามสิบกว่าแล้ว รุ่นนี้อยากทำอะไรถ้าไม่เดือนร้อนใครก็ทำค่ะ ชีวิตมันสั้นค่ะ มัวกังวลนั่นนี่ เดี๋ยวใช้ชีวิตไม่คุ้มค่ะ” อิ่มตอบทันควัน
“ว่าแต่คุณอัคล่ะคะ ไปไงมาไง มาทำบริษัทจองโต๊ะและรีวิวอาหารคะ?” อิ่มถามคืนไปบ้าง
“ผมกับเจ้าของบริษัทเป็นเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกันครับ ชอบธุรกินออนไลน์ทางอินเตอร์เนทเหมือนๆกัน ผมเองก็ชอบกินชอบเที่ยวด้วยเลยลองคุยกัน ที่นี้ผมมีไอเดีย มันมีตังค์ ก็เลยมาลองเปิดบริษัทนี้ด้วยกัน ผมบริหารงาน มันบริหารเงินครับ” อัคเล่าอย่างอารมณ์ดี
“คุณอัคก็เป็นหุ้นส่วนด้วยใช่ไหมคะบริษัทนี้” อิ่มถาม เพราะเขาดูมีอำนาจตัดสินใจอยู่มาก
“โอ๊ย หุ้นเล็กเท่ามดครับ ผมก็เป็นพนักงานกินเงินเดือนคนนึงนี่แหล่ะครับ ผมตัวคนเดียวสบายๆ ทำงานแล้วสบายใจ ผมก็โอเคกับมัน แถมงานนี้ยังทำให้ผมได้มาเจอกับคุณอิ่มด้วย ยิ่งดีใหญ่” อัคพูดเสร็จแล้วเอี้ยวตัวหันหลังมามองอิ่มด้วยรอยยิ้มแปลกๆพลางฮัมแพลงอย่างอารมณ์ดี
“คะ?” อิ่มไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่หลุดคำขานสั้นๆออกไป เขากำลังทำอะไรเนี่ยทำไมมองเธอแปลกๆอย่างนั้น ยังไม่ทันที่อิ่มจะถามอะไรอีก อัคก็เลี้ยวจักรยานกลับมุ่งหน้ากลับโรงแรม
“เรากลับไปโรงแรมกันนะครับจะได้มีเวลาพักผ่อนแป๊บนึงก่อนที่จะออกไปรีวิวร้านกาแฟกัน” อัคบอกอิ่มด้วยเสียงอารมณ์ดี “
ก็ดีค่ะ ออกมาไกลแล้วเหมือนกัน” อิ่มเออออไปกับเขา
“ครอบครัวคุณอิ่มเป็นยังไงบ้างครับ” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องคุย “ครอบครัว อ่อ คุณพ่อคุณแม่อิ่มอยู่ต่างจังหวัดค่ะ ทั้งคู่เคยเป็นข้าราชการแต่ตอนนี้เกษียณแล้ว อิ่มเป็นลูกคนเดียวค่ะ กลับบ้านก็แค่เดือนละครั้ง เมื่อก่อนอิ่มบ้างานค่ะ ทำเป็นบ้าเป็นหลัง จนได้มาเป็นฟู้ดบล๊อกเกอร์คนรีวิวอาหารเนี่ยล่ะค่ะ ชีวิตถึงได้ตึงน้อยลงมา” อิ่มเล่าให้เขาฟังอย่างไม่ปิดบัง อะไรบางอย่างทำให้เธอรู้สึกว่าสามารถคุยกับเขาได้ทุกเรื่อง
“แล้วคุณอัคมีพี่น้องไหมคะ” เธอถามกลับไป “ผมมีน้องสาวคนนึงครับ ชื่อตัวเล็ก ตอนนี้แต่งงานไปอยู่กับสามีฝรั่งที่อังกฤษ ปีนึงก็จะกลับมาเยี่ยมเมืองไทยทีนึง” เขาเล่าด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี
“อย่างนี้คุณพ่อคุณแม่ของคุณอัคก็คิดถึงน้องสาวคุณอัคแย่เลยสิคะ” อิ่มถามต่อ
“ท่านเสียไปแล้วทั้งคู่ครับ” ชายหนุ่มตอบมาด้วยเสียงราบเรียบ
“อุ้ย ขอโทษค่ะ อิ่มเสียใจด้วยนะคะ” อิ่มรีบขอโทษเขา “ไม่เป็นไรเลยครับ พ่อผมเสียตั้งแต่ผมเรียนจบใหม่ๆ ส่วนแม่ก็ไม่สบายเสียไปเมื่อสี่ห้าปีก่อน หลังน้องสาวผมแต่งงานไม่นาน ตอนนั้นเศร้ากันมากครับ ทั้งน้องทั้งผม เหมือนบ้านแตก มีหลายเรื่องถาโถมเข้ามาจนผมเคว้งไปพักใหญ่ จนหนีไปอยู่ที่อังกฤษเสริฟอาหารอยู่กับน้องเกือบปีนึง พอตั้งสติได้ก็กลับมาเผชิญกับชีวิตจริง แล้วพอเวลาผ่านไป อะไรที่เคยเศร้ามากๆมันก็เศร้าน้อยลง จนเราเดินหน้ากับชีวิตไปได้และเมื่อถึงเวลาของมันเราก็พร้อมที่จะเริ่มอะไรใหม่ๆได้ครับ” เขาตอบเสียยาว เหมือนพยายามจะให้อิ่มรู้จักตัวเขาให้มากที่สุดภายในวันนี้
“คุณอัคตั้งหลักชีวิตได้เอง เก่งนะคะ เรื่องงานนี่ถ้ามีอะไรให้อิ่มพอช่วยได้ก็บอกเลยนะคะ” เธอปัดกลับมาเรื่องงาน
“ครับขอบคุณครับ ตอนนี้ก็มีแต่งานนี่แหล่ะครับที่ผมทุ่มเทจนตอนนี้มันเริ่มมั่นคงขึ้นมาก ผมอยากเห็นมันเติบโตก้าวหน้าไปอีกครับ แต่ในอนาคต งานอาจจะไม่ใช่สิ่งเดียวที่ผมจะทุ่มเทให้ก็ได้ครับ” เขาหันมามองอิ่มอีกครั้งแล้วยิ้มกว้างให้ อะไรของเขากันนะ เดี๋ยวคุยด้วยยิ้ม อีตาคุณอัคนี่ ชีวิตก็มีสาระดีนะ พอได้คุยด้วยแล้วก็แลดูเป็นคนดีใช้ได้เลยคุยสนุกด้วย อิ่มคิดเพ้อเจ้อในใจอยู่คนเดียว
“ถึงโรงแรมแล้วครับ ผมขอไปเก็บจักรยานก่อน แล้วเดี๋ยวอีกสิบนาทีเจอกันที่ล๊อบบี้นะครับคุณอิ่ม” เขาบอก
“ได้เลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่พาอิ่มนั่งจักรยานเที่ยว สนุกดีค่ะ” อิ่มลงจากรถโบกมือให้อัคแล้วขึ้นไปพักผ่อน ล้างหน้าล้างตาบนห้อง เตรียมตัวออกไปรีวิวร้านอาหารต่อไป
-----------------จบตอนที่8 -------------------