ตอนที่ 20 โลกนี้ไม่มีเหตุบังเอิญ And so the story goes ...

ลงเมื่อ 29 ธันวาคม 2559

 

เสียงผู้คนจ่อกแจ่กจอแจในร้านคาเฟ่ในห้างหรูใจกลางเมือง ตัวร้านเปิดโล่ง ไม่มีประตูไม่มีกำแพง มีเพียงเก้าอี้และโต๊ะวางเรียงตามเส้นแบ่งเขตระหว่างทางเดินส่วนกลางของห้างและเขตของส่วนร้านค้าเท่านั้น มีคนเดินผ่านไปผ่านมาตลอดเวลา ทั้งที่ผ่านไปเฉยๆและแวะเข้ามาลิ้มรสอาหารและเครื่องดื่มของร้านนี้ หญิงสาวผมยาวคนเดิม กำลังขมักเขม้นกับการถ่ายรูปกาแฟและชาหลากสีหลายแก้วตรงหน้า เริ่มจากชาเขียวเย็นทางซ้าย ตามมาด้วยคาปูชิโน่เย็น ฟองนุ่มๆอัดแน่นอยู่ขนแก้วกาแฟใส กลิ่นอบเชยผงหอมฟุ้ง ถัดไปเป็นชานมเย็นสีส้มสดใสโปะด้วยวิปครีมเนื้อเนียนเบา บนเก้าอี้ใต้โต๊ะนั้นมีดอกไม้ช่อโตจัดช่อด้วยกระดาษสีม่วงอ่อนสลับเข้มวางอยู่อย่างไม่มีใครสนใจ เสียงคุ้นหูของคนกลุ่มเดิมเจื้อยแจ้วสนทนากันอย่างออกรสชาติ และบางครั้งก็ออกทะเลไปเลย

 

“เดี๋ยวนี้ก็ต้องเลือกหน่อยน่ะแก บ้านฉันอยู่พระรามสามถ้าร้านอยู่รังสิตหรืออยู่พุทธมณฑล นี่ก็ต้องขอคิดหนักนะ กว่าจะขับรถไปถึง ไหนจะค่าน้ำมันค่าทางด่วน” อิ่มบอกกลุ่มคนตรงหน้า

“แล้วเว้าเช่อร์บัตรของขวัญอะไรที่น้องประชาสัมพันธ์ร้านให้มาเยอะแยะเนี่ย แกจะเอาไปทำอะไร ยกให้พวกฉันได้ไหม กาแฟเย็นเค้าอร่อยดี ฉันชอบ มีสาขาใกล้ที่ทำงานด้วย เดี๋ยวไปแลกกินฟรี” ออร่าตั้งคำถามด้วยความสงสัยและลงท้ายด้วยขอเสนอเข้าข้างตัวเองอย่างแนบเนียน

“ไม่ได้นะออร่า ฉันจะเอาไปเล่นเกมส์กับลูกเพจ พวกคนที่ติดตามฉันน่ะ ลงรูปให้เขามาร่วมสนุกกันแล้วสุ่มจับรางวัลแจกของไง” อิ่มอธิบายให้เพื่อนฟัง

“ร้านนี้ดีเน๊อะ อยู่ใกล้บ้านแกเลยอิ่ม ชาเขียวก็อร่อยดี” น้ำผึ้งพูดพลางหันไปดูรอบๆร้าน

“ใช่สิ เพราะว่าใกล้บ้าน พอเขาชวนฉันถึงมาเลยแบบไม่ต้องคิดไง” อิ่มตอบเพื่อนและยิ้มกว้าง

“เป็นแกนี่ดีจริงๆนะอิ่ม เรื่องมากได้จริงๆ ทั้งเลือกร้านจะไปรีวิว ไกลนักก็ไม่ไป เลือกว่าจะกลับไปคบกับผู้ชายที่มาง้อไม่หยุดหย่อนคนนั้นอีกหรือเปล่า เขาส่งดอกไม้มาให้ทุกวันก็ยังทำเป็นไม่สนใจ นี่ขนาดแกไม่ได้สวยหยาดเยิ้มนะเนี่ย ยังเลือกได้ขนาดนี้ ถ้าแกสวยแกจะแค่ไหน” น้ำผึ้งหยอกเพื่อนอย่างสนุก

“แกชมหรือด่าฉันกันแน่ อุตส่าห์พามาเป็นทีมงานฟู้ดสเปซ กินฟรีแล้วยังจะมาแขวะฉันอีก” อิ่มมองเพื่อนแล้วหัวเราะ

“ทั้งชมทั้งด่าในเวลาเดียวกันนะ ฉันว่า อ่อ ขอบใจสำหรับกาแฟด้วยนะยะบล๊อกเกอร์อิ่ม แก้วนี้อร่อย ลาเต้อาร์ทสวยดี” ออร่าเสริม พลางซดกาแฟลาเต้ร้อน ที่มีลวดลายฟองนมเป็นรูปหัวใจไปอึกใหญ่ เวลามารีวิวอาหารหรือเครื่องดื่ม ทางร้านมักจะทำมาให้ชิมหลายๆเมนูและอิ่มไม่สามารถกินหมดเกลี้ยงได้ทุกอย่างเพียงลำพัง จึงได้อาศัยชวนเพื่อนที่วันไหนว่างๆมาช่วยเป็นทีมงานให้เธอ ส่วนใหญ่อยู่แผนกช่วยกิน ไม่ค่อยได้ช่วยรีวิวอะไรนัก ออร่าวางแก้วกาแฟแล้วเอื้อมมือมาหยิบช่อดอกไม้ข้างๆตัวอิ่มไปชื่นชม

“คุณอัคนี่เขาก็ตื้อแบบลงทุนเหมือนกันนะเนี่ย วันก่อนยังเห็นเป็นกุหลาบแดงๆขาวๆเรียบๆช่อเล็กๆอยู่เลย มาวันนี้เป็นไฮเดรนเยียร์พวงบะเริ่มเทิ่มแล้วยังแซมด้วยดอกลิลลี่นำเข้าสีขาวบริสุทธิ์ ช่อนี้น่าจะหลายตังค์” ริณีสะกิดเรียกน้ำผึ้งมาช่วยดู

“แกก็คืนดีกับคุณอัคเค้าไปเสียทีเถอะน่า เค้ามาง้อทุกวันเป็นเดือนแล้วเนี่ย เล่นตัวเหลือเกิน” น้ำผึ้งพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายกับความใจแข็งของเพื่อน

“คือแก ฉันไม่รู้จะบอกยังไงดี แต่ดอกไม้ช่อนี้มันไม่ใช่ ...” อิ่มกำลังจะอธิบายแต่ออร่ายกมือขึ้นห้ามไม่ปล่อยให้อิ่มพูดจนจบประโยค

“ไม่ใช่สิ่งจะมาทดแทนกับความรู้สึกที่คุณอัคเขาทำให้แกเสียใจ ใช่ไหม คนเราคบกันมันต้องให้อภัยกันบ้าง โดยเฉพาะเวลาที่อีกฝ่ายเขารู้สึกผิดจริงๆแล้ว” ออร่าพูดยาว อิ่มถอนหายใจยาวด้วยสีหน้าอึดอัด

“คือดอกไม้นี่มันไม่ใช่ ...” อิ่มพยายามจะอธิบายบางอย่างต่อ แต่คราวนี้น้ำผึ้งพูดแทรกขึ้นมาว่า

“ดอกไม้มันไม่ใช่สาระสำคัญใช่ไหม แกต้องการความจริงใจจากเขา แกต้องการให้เขาพิสูจน์ตัวเองว่าแกไว้ใจเขาได้ และจะไม่ทำให้แกเสียใจอีก โอ๊ย ฟังแกพูดมาเป็นสิบรอบจนฉันจะพูดตามได้แล้วเนี่ย” น้ำผึ้งพูดเหมือนท่องอาขยาน

“นั่นสิอิ่ม คนเราเป็นมนุษย์ปุถุชน มันก็ต้องมีรักโลภโกรธหลง ทำผิดกันได้หรือเปล่าวะ นี่เขาก็รู้ตัวแล้วว่าเขาผิด ยอมรับผิดและสัญญาว่าจะไม่ทำอีกแล้วไง แกก็ควรให้โอกาสเขาอีกสักครั้ง” ออร่าพูดเสริม

“นั่นดิอิ่ม ให้กลับไปคบกันดูก่อน ไม่ได้ให้ไปแต่งงานกันอะไรขนาดนั้น” จินนี่พูดช้าๆอย่างใจเย็น

“คือพวกแกฟังนะ ฉันจะบอกว่า ดอกไม้ช่อนี้ไม่ใช่คุณอัคให้” อิ่มบอกเพื่อนทั้งสองด้วยรอยยิ้มแห้งๆ

“อ่าว ใครให้” น้ำผึ้งกับออร่าพูดเสียงดังจนแทบจะตะโกนพร้อมกัน

“คือ พี่แดนนี่ให้มาตะกี๊ ก่อนที่พวกแกจะมาถึงร้าน”

“นังอิ่ม นังเจ็บไม่จำ ทีคนบ้าๆอย่างอีตาแดนนี่ แกให้โอกาสเขา ทีคนดีๆอย่างคุณอัค แกดันเล่นตัวอยู่ได้ คิดให้ดีนะแก พี่แดนนี่เคยทำแกแสบไว้แค่ไหน” น้ำผึ้งร่ายยาว

“ไม่ได้การละ ฉันเขียนไปฟ้องเพื่อนๆก่อน” ออร่าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์อะไรอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวก่อนพวกแก ใจเย็นๆ ฉันไม่ได้กลับไปคบกับพี่แดนนี่” อิ่มยกมือทั้งสองข้างขึ้นโบกไปมา

“ถ้าอย่างนั้น แล้วเขามาให้ดอกไม้แกทำไม” จินนี่ซักด้วยสายตาดุเหมือนกำลังสอบสวนผู้ร้ายคดีร้ายแรง

“คือ เมื่ออาทิตย์ก่อน ฉันไปรีวิวอาหารที่โรงแรมหนึ่ง แล้วไปเจอเขา” อิ่มอธิบายเสียงอ่อย

“แล้วไงอีก ทำไมแกไม่เคยเล่าให้พวกฉันฟัง มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล” ริณีซักต่อ

“มันไม่ได้มีอะไรจริงๆไงเล่า คืออย่างนี้ ตอนที่ฉันกำลังคุยอย่างออกรสกับผู้จัดการใหญ่โรงแรมอยู่เรื่องความเห็นของฉันกับอาหารที่เพิ่งได้กินไป พี่ดนัยก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้เข้ามาทัก ปรากฎว่าสองคนนั้นเขารู้จักกัน เป็นเพื่อนสมัยมัธยม” อิ่มเล่าต่อ

“อีตาแดนนี่แดนนั่นคนนี้ก็รู้จักคนใหญ่คนโตเยอะจริงๆนะ” จินนี่พูดเสียงต่ำด้วยสายตาครุ่นคิด

“แล้วไง แล้วจากวันนั้นที่ไม่มีอะไรทำไมมันกลายเป็นช่อดอกไม้ในวันนี้ได้” ออร่าถามแล้วยื่นหน้าเข้ามาประชิด

“คือ ผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมก็ฝอยชื่นชมฉันให้พี่แดนนี่ฟังใหญ่เลย แล้วยังไปบอกเขาอีกว่าฉันเป็นหุ้นส่วนบริษัท Easy Reservation พอบอกแค่นั้นก็เหมือนสายตาเขาเปลี่ยนไป มองฉันแบบ มีคุณค่าขึ้นมาเฉยเลย” อิ่มตบโต๊ะเบาๆ นึกเจ็บใจขึ้นมาทันที

“อย่าบอกนะ ว่าพอรู้ว่าแกไม่ใช่บล๊อกเกอร์กระจอกๆจนๆแล้ว ก็เลยกลับมาสนใจแกอีก” น้ำผึ้งถามเสียงสูง

“นั่นสิ ตอนแกเป็นผู้จัดการอาวุโสเขาก็ดีกับแก พอแกจะได้เป็นผู้อำนวยการเขาก็ขอแกเป็นแฟน พอแกลาออกมาเป็นฟรีแลนซ์เขาก็หายไปเลย” ออร่าพูดเสริมน้ำผึ้ง

“ที่แย่สุดคือ ก่อนนั้น ยังทิ้งแกกลางมื้อค่ำให้จ่ายตังค์ค่าอาหารเอง นั่งแท๊กซี่กลับบ้านเองอีกตะหาก” ริณีพูดพลางส่ายหน้า

“ตอนนี้เขามาหวานใส่แบบ มดขึ้นอีก แกจะโง่กลับไปใจอ่อนเหรอ” จินนี่ถามด้วยสายตาจ้องเขม็ง

“เพื่อนๆคะ ฉันไม่ลืมหรอกนะ ความรู้สึกแย่ๆของวันนั้น คนเจ้าเล่ห์ เอาแต่ใจ ทำร้ายคนอื่นข้างหลังอย่างนี้ ฉันไม่สนใจหรอก” อิ่มพูดช้าๆชัดๆ

“แล้วรับดอกไม้เขาไว้ทำไม” ออร่าถามแบบไม่ค่อยเชื่ออิ่ม

“เขาให้แมสเซนเจอร์มาส่ง ฉันก็ต้องเซ็นรับไว้ นี่ก็ว่าจะยกให้น้องประชาสัมพันธ์ของร้านนี้ไปเลยเนี่ย” อิ่มพูดด้วยเสียงจริงจัง

“เออ ดี เอาให้จบๆ อย่าเหลือเยื่อเหลือใย” น้ำผึ้งสนับสนุน

“กลับไปมองคนดีๆที่เขาหลงผิดสับสนไปแค่ชั่วครู่อย่างคุณอัคบ้างสิแก” ริณีพูดแล้วตบไหล่อิ่มเบาๆ

“ตอนมีเขาชีวิตแกดูสดชื่น สดใสกว่าตอนที่ไม่มีนี่เยอะนะอิ่ม” ออร่าตั้งข้อสังเกต

“เขาเป็นเนื้อคู่แกเห็นๆ” จินนี่พูดเชียร์

“ยังไง” อิ่มถามเพื่อนเสียงห้วน เพื่อนๆพวกนี้เป็นอะไรไปเข้าข้างผู้ชายนอกกลุ่มอยู่ตลอด ไม่เห็นเข้าข้างเธอบ้าง

“ก็ถ้าอิ่มคู่กับพี่ดนัย ชื่อแกสองคนก็จะเป็น อิ่มด่ะ แต่ถ้าแกคู่กับคุณอัค ชื่อแกสองคนก็จะเป็น "อิ่มอัค" ไงเล่า ทีนี้อิ่มด่ะมันจะไปสู้อิ่มอัค ได้ยังไงล่ะแก” จินนี่พูดสร้างเสียงหัวเราะครื่นเครงให้เพื่อนทั้งกลุ่ม

“โอ้โห ชื่อแกกับคุณอัคมันคู่กันและเกิดมาเพื่ออาหารจริงๆเลยนี่นา อยู่ด้วยกันคงไม่มีวันหิว เพราะอิ่มอัคตลอดเวลา” ออร่าพูดสรุป เพื่อนๆหัวเราะกันครื้นเครงกับมุขนี้

อิ่มหยุดคิดชั่วขณะหนึ่ง แล้วยิ้มที่กับตัวเอง เพื่อนๆพวกนี้พูดจาไร้สาระแต่บางครั้งก็มีเหตุผลเช่นในครั้งนี้ คุณอัคกลับมาง้อเธออยู่ร่วมสองเดือนแล้ว ทั้งที่มาเองแบบตัวเป็นๆแล้วโดนเธอไล่กลับ ทั้งที่ส่งดอกไม้มา ส่งเพลงมา ส่งวิดีโอมา และส่งอาหารมา อิ่มรู้ดีว่าเธอยังเสียความรู้สึกอยู่มากกับการที่เขาทำให้เธอต้องตกเป็นหนึ่งในตัวเลือก แม้ว่าเธอตัดสินใจเป็นคนเดินจากมาแต่เธอก็ชอบเขาอยู่มากและเขาก็ดีกับเธอและค่อยช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด ตอนที่มีเขาอยู่ในชีวิตเธอก็รู้สึกดีตอนนี้ไม่มีเขาเธอก็อยู่ได้ เพียงแต่อาจจะไม่มีความสุขมากเท่าตอนที่มีเขาอยู่ด้วย เธอควรเปิดใจให้เขาอีกครั้งหนึ่งใช่ไหมนี่

-------------------------------------------------

ที่โต๊ะไม้ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตัวเดิม อิ่มนั่งพิมพ์บทความอาหารของเธอด้วยคอมพิวเตอร์พกพาเครื่องเดิม เธอหยุกพักสายตาเป็นครั้งคราวมองยาวไปที่แม่น้ำตรงหน้าอย่างสบายใจ ทุกวันนี้เธอเขียนบทความวันละสองสามชิ้นอย่างไม่ต้องพยายามมากแล้ว ทุกอย่างมันค่อยๆพัฒนาและลื่นไหลขึ้นตามประสบการณ์ที่เธอค่อยๆสั่งสมมา หลายเดือนที่ผ่านมาเธอส่งงานทางอีเมลและไม่ค่อยได้เข้าบริษัทเท่าไหร่นักแม้ว่าเธอจะเป็นหุ้นส่วนเพราะอิ่มไม่อยากเจอคุณอัค เธอไม่อยากหวั่นไหว ไม่อยากกลับไปเสียใจเสียความรู้สึกอีก แต่หลังจากเมื่อวานที่เธอได้คุยกับเพื่อนๆที่คาเฟ่กลางห้างหรูไปแล้วนั้น อิ่มก็ได้มุมมองใหม่ ถ้ามีเขากลับเข้ามาแล้วชีวิตเธอมีความสุขขึ้นหรือดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่เธอก็จะลองให้โอกาสเขาดูอีกครั้ง อิ่มตัดสินใจว่าพรุ่งนี้เธอจะเข้าไปที่บริษัทแล้วไปคุยกับอัคตรงๆ ลมเอื่อยๆริมแม่น้ำยามเย็นมันช่างให้ความรู้สึกที่สบายและผ่อนคลายจริงๆ อิ่มหลับตาสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเติมพลัง แต่เสียงทุ้มจากด้านหลังทำให้เธอต้องรีบลืมตา เราหูฝาดไปหรือเปล่านี่

“คุณอิ่มครับ” เสียงทุ้มพูดซ้ำอีกรอบ อิ่มค่อยๆหันมามองตามเสียงทุ้มที่คุ้นหูนั้น

“คุณอัค” เธอเรียกชื่อเขาเบาๆ ผู้ชายเสื้อลายทางยาวคนนี้เขารู้ได้อย่างไรว่าเราอยู่ที่นี่ เธอยิ้มน้อยๆ

“สวัสดีครับ ผมขอเวลาคุยกับคุณอิ่มครู่สั้นๆได้ไหมครับ” เขาพูดแล้วเม้มปาก

“เชิญค่ะ อิ่มก็มีเรื่องจะคุยกับคุณอยู่เหมือนกัน” เธอตอบไปตามจริงแล้วผายมือเชิญให้เขานั่งที่โต๊ะไม้ร่วมกับเธอ ชายหนุ่มเดินมานั่งตามอย่างว่าง่าย เขาถอนหายใจยาวแล้วมองหน้าเธออยู่นานก่อนจะเริ่มพูดอะไร

“คุณอิ่มครับ ผมจะไปอังกฤษ” เขาพูดช้าๆเบา

“ค่ะ” เธอตอบแล้วมองหน้าเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่เข้าใจว่าเขามาบอกเธอทำไม

“ผมคงจะไปนานหลายเดือน คุณอิ่มไปกับผมไหมครับ” เขายื่นมือมาจับมือของเธอเบาๆ อิ่มตาโต

“นี่มันอะไรกันคะ” เธอถามอย่างงุนงง แต่ก็ไม่ได้ดึงมือออกจากมือของเขาอย่างที่เคยทำ

“ตัวเล็ก น้องสาวผมโทรมาบอกเมื่อครู่นี้ว่าเธอเพิ่งเลิกกับสามีเพราะเขามีคนใหม่ แล้วตอนนี้ต้องเคลียร์อะไรหลายๆอย่าง กว่าเอกสารจะเสร็จก็คงต้องใช้เวลาหลายเดือนครับ ผมอยากไปอยู่ใกล้ๆเป็นกำลังใจให้น้อง เหมือนตอนที่น้องเป็นกำลังใจให้ผมวันที่ผมอ่อนแอ” เขาเล่าโดยไม่มองหน้าอิ่ม หากแต่ทอดสายตาไปไกลสุดปลายแม่น้ำ

“เสียใจด้วยนะคะคุณอัคแล้วน้องตัวเล็กเป็นยังไงบ้าง เสียใจมากไหมคะ” อิ่มถามอย่างเป็นห่วง

“ตัวเล็กก็เศร้ามากล่ะครับแต่ยังไหวอยู่ ดีที่ไม่ได้มีลูกด้วยกัน อะไรๆเลยไม่ซับซ้อนมาก” เขาหันมามองเธอ

“ผมรักคุณอิ่มนะครับ ผมเคยเสียคุณไปแล้วครั้งนึง ด้วยความโง่ของผมเอง คราวนี้ผมต้องไปไกลหลายเดือน ผมไม่อยากจะเสียคุณอิ่มไปอีก ไปกับผมนะครับ” น้ำเสียงเขามีความเศร้าปนหมดหวัง ไม่มีมุขตลกฝืดอะไรมาแทรกในบทสนทนาวันนี้เลย

“คุณอัคคะ ...” อิ่มไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เธอตั้งใจจะให้โอกาสเขาอีกครั้งในการกลับมาคบกัน แต่ไปอังกฤษกับเขามันช่างไกลเกินกว่าที่เธอเตรียมใจไว้มากนัก น้ำเสียงและสายตาของเขาช่างน่าสงสาร แววตาที่เขามองเธอบอกกับเธอว่าเขาพูดด้วยความจริงใจ เขาล้วงไปในกระเป๋าแล้วหยิบกล่องกำมะหยี่ที่เธอคุ้นตาขึ้นมา เขาเปิดกล่องเล็กนั้น แหวนวงเงางามในกล่องนั้นส่องประกายเล่นกับแสงแดดที่ลอดผ่านใบไม้ลงมา

“คุณอิ่มครับ แต่งงานกับผมนะครับ แล้วไปอังกฤษกับผม ผมจะดูแลคุณเอง” เขาพูดช้าๆชัดๆ นั่งท่าเดิม ไม่มีลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้นอะไรเหมือนในนิยายชวนฝันอีก

“แต่คุณก็จะยุ่งอยู่กับน้องตัวเล็กนะคะ” อิ่มลังเล

“เราจะไปอยู่ใกล้ๆตัวเล็กครับ อาจจะต้องไปมาหาสู่กันบ่อยหน่อยแต่ไม่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ผมอยากอยู่กับคุณ” เขาตอบด้วยคำตอบที่คิดมาแล้ว

“ไปหลายเดือน แล้วอิ่มจะไปทำอะไรคะ แล้วงานคุณทางนี้ล่ะคะ” เธอถามเรื่องสำคัญในใจ

“คุณจะเอางานไปทำที่นั่นก็ได้นี่ครับ งานฟรีแล๊นซ์ อิสระจะทำที่ไหนบนโลกก็ได้ครับ เป็น #FoodSpaceBeyond ตอนอังกฤษไงครับ ผมมีร้านอร่อยๆเยอะเลยที่จะพาคุณไปชิม ส่วนผมก็บริหารงานจากที่นั่นได้” เขาตอบแบบที่คิดมาแล้วอีกเช่นกัน อิ่มมองเขาและคิดในใจว่ามีผู้ชายคนนี้อยู่ในชีวิตมันดีกว่าตอนไม่มีจริงๆด้วย ขนาดเขามาเล่าเรื่องเศร้าของน้องสาวเธอยังรู้สึกดีเพียงแค่ได้อยู่กับเขาไม่ถึงสิบนาที

“ถ้าคุณอิ่มพอจะเห็นความจริงใจของผมบ้างและไม่รังเกียจผม มาใช้ชีวิตกับผมนะครับ ทั้งยามสุขยามทุกข์เราจะดูแลกันไปนะครับ” เขาค่อยดึงมือซ้ายของเธอมาจับไว้อย่างเบามือแล้วบรรจงหยิบแหวนในกล่องกำมะหยี่นั้นมาสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ อิ่มไม่ได้ปฏิเสธเพราะเธอมัวแต่พยายามใช้สมองประมวลผลทางความคิดอย่างรวดเร็วว่า เธอจะทำอย่างไรดี จะตอบเขาว่าอย่างไรดี

เขาค่อยๆเอามือทั้งสองข้างของเขากุมมือของอิ่มที่มีแหวนไว้ แล้วยกขึ้นมาจุบพิศเบาๆ เขาเงยหน้ามองเธอแล้วยิ้มกว้าง

“คุณอิ่มไม่ปฏิเสธผมนะครับ” เขามองตรงเข้ามาในตาขอเธอ แววตาเขาเปลี่ยนเป็นหวานซึ้งและมีความหวัง

“อิ่มจะให้โอกาสคุณค่ะ แต่” อิ่มหลบตาเขาและเบี่ยงหน้าไปอีกทาง

“ผมไม่ชอบเลยครับเวลาคุณอิ่มพุดว่า แต่ เพราะมันมักมีอะไรไม่ดีตามมา” เขาทำเสียงน้อยใจ

“ฟังก่อนสิคะ อิ่มจะบอกว่า อิ่มจะให้โอกาสคุณค่ะ แต่เราจะยังไม่แต่งงานกัน แหวนวงนี้อิ่มจะถือว่าเราแค่หมั้นกันไว้ก่อน ถ้ากลับจากอังกฤษแล้วไม่ตีกันตาย เราค่อยมาว่ากันค่ะ” เธอตอบแบบเขินๆ

เขาลุกขึ้นแล้วเดินมานั่งข้างๆอิ่ม เขาดึงเธอเข้าไปกอดไว้แน่นราวกับกลังว่าเธอจะหนีไปไหนอีก

“คุณอิ่มยอมเป็นคู่หมั้นของผมแล้ว และยอมไปอังกฤษกับผมนะครับ” เขาพูดขณะที่ยังกอดเธอไว้

“ค่ะ ถ้าวีซ่าผ่านนะคะ” เขาและเธอหัวเราะเบาๆกับมุขฝืดที่คราวนี้มาจากอิ่มเอง

“ต่อจากนี้จะสุขจะเสาร์ เราก็จะเดินไปด้วยกันนะครับ” เขาพูดติดตลก

“จะสุขจะเศร้ารึเปล่าคะ แหม ยังจะมาเล่นมุข” เธอตีแขนเขาเบาๆด้วยความเขิน

“ไม่ใช่เดินธรรมดาด้วยนะครับ เดินไปอย่าง อิ่มอัค ด้วยครับ” เขาก้มลงจุมพิศเธอที่ริมฝีปากเบาๆ แนบแน่นและเนิ่นนาน

 

 

                                --------------------------------------------

 

ในห้องทำงานขนาดย่อมๆ มีอุปกรณ์ครบครัน ทั้งโต๊ะทำงาน โซฟารับแขก และมุมโต๊ะทานอาหาร หน้าจอมคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน แสดงเอกสารสัญญาอะไรบางอย่างพร้อมมีภาพอาหารประกอบมากมาย หญิงสาวเปิดเอกสารนั้นอ่านจนจบแล้วทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์แล้วกดโทรออกไปยังเบอร์ที่คุ้นเคยแต่ปลายสายไม่รับโทรศัพท์ เธอจึงเปลี่ยนไปเปิดโปรแกรมคุยกับเพื่อนๆแทน มีข้อความใหม่เข้ามาเป็นสิบข้อความ ถามถึงนัดอาหารเย็นวันนี้ว่าตกลงที่ไหน กี่โมง

“เย็นนี้ฉันไปแน่นอนจ้ะ คิดถึงเพื่อนๆจะแย่” อิ่มพิมพ์ตอบกลับไป

“หนอยๆ อย่ามาพูดดี ตอนหนีตามผู้ชายไปอังกฤษตั้งหลายเดือนนี่ไม่เห็นจะบอกคิดถึงพวกเรา” น้ำผึ้งพิมพ์ตอบมาอย่างรวดเร็ว

“เอาน่ามันก็กลับมากินข้าวกะเราเหมือนเดิมแล้วนี่ไง เจอหกโมงเย็นเลยนะ เริ่มเร็วจะได้เม้าท์มอยกันนานๆ” จินนี่พิมพ์ตอบกลับมา

“ฉันก็มีเรื่องจะเล่าเยอะเลย ไหนจะรายละเอียดของอิ่มอีก เอาเย็นนี้ทีเดียวเลยนะ” ริณีตอบเพื่อนๆ

“สรุปหกโมง ร้านเดิม ตรงทองหล่อนะ” ออร่าพิมพ์สรุปมา เพื่อนๆทุกคนส่งสัญญาณตอบว่าตกลง

อิ่มวางโทรศัพท์แล้วตั้งหน้าตั้งตาอ่านเอกสารในจอคอมพิวเตอร์ต่อไป แต่เพียงครู่สั้นๆโทรศัพท์ของเธอก็สั่นหงึกๆขึ้นมาอีก มีสายเรียกเข้า เธอหยิบขึ้นมาดู พอเห็นเป็นชื่อใครเธอก็ยิ้มและกดรับสาย

“สวัสดีค่ะพี่ลูกเกด” อิ่มกรอกเสียงไปอย่างร่าเริง

“ไงจ๊ะ ท่านผู้บริหารใหญ่ เมื่อกี๊โทรมาเองเลยเหรอ โทษทีติดอีกสายอยู่” เสียงจากปลายสายล้อเลียนและหัวเราะเบาๆ ทำให้คนที่กดโทรออกไปก็พลอยหัวเราะตามไปด้วยอย่างอารมณ์ดี

“พี่ลูกเกดคะ อย่ามาล้ออิ่มเลยน่า จะถามว่ารายการทีวีที่พาไปตะลุยกินอาหารที่เขาติดต่อมาให้อิ่มไปเป็นพิธีกรอาทิตย์ที่แล้วน่ะ เขายังอยากได้หุ้นส่วนเพิ่มไหมคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เห็นเจ้าของเขาอยากขายอยู่นะ ทำไมล่ะ อิ่มสนใจเหรอ” อีกฝั่งขยับแว่นและนั่งหลังตรงอย่างจริงจัง

“ค่ะ ขอรายละเอียดหน่อยนะคะ เดี๋ยวอิ่มจะโทรไปขอนัดคุยกับเขาอาทิตย์หน้า” อิ่มพูดและยิ้มให้กับความคิดตัวเอง

“ให้พี่ไปด้วยไหมล่ะ เดี๋ยวนัดให้ พี่รู้จักเขาดีอาจจะช่วยอะไรเธอได้บ้าง” อีกฝ่ายเสนอความช่วยเหลือ

“ดีเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” อิ่มตอบและยิ้มกว้าง มีพี่ลูกเกดช่วยน่าจะตกลงกันได้ไม่ยาก

“ฉันก็เห็นแก่ของกินฟรีหรอกที่ไปด้วยเนี่ย ฉันรู้หรอกว่าเธอต้องพาเขาไปกินของดีๆ” ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี

“นี่มันธุรกิจ หรือ ธุระกิน กันแน่คะ” อิ่มแซวกลับไป

“เอาเป็นว่าถ้าทุกฝ่ายได้ข้อตกลงที่น่าพอใจก็ดีแล้วใช่ไหมล่ะ พวกเธอได้ทำสัญญาทางธุรกิจกัน ฉันก็ได้กินของอร่อยๆฟรีๆไง” เสียงหัวเราะกึกก้องจากปลายสายดังทะลุหูฟังออกมา

“ค่ะคุณพี่ว่าไง อิ่มก็ว่างั้นค่ะ” เธอหัวเราะแล้วพิงพนักเก้าอี้เผยให้เห็นผนังด้านหลังที่มีป้ายชื่อบริษัท FoodSpace Beyond สีม่วงปนครามประดับไว้อย่างสวยงาม

“เออ แล้วงานแต่งงานเธอเดือนหน้า ฉันก็ลดน้ำหนักไม่ทันนะยะบอกไว้ก่อนเลย ถึงเธอจะบอกล่วงหน้ามาเกือบปีแล้วก็ตาม” ปลายสายเล่าอย่างไม่ได้รู้สึกว่าต้องพยายามอะไร

“ไม่เป็นไรเลยค่ะ งานเล็กๆง่ายๆ ของกินอร่อยๆเยอะแน่นอน นี่เจ้าบ่าวยังไปชิมไก่ย่างอีกร้านอยู่เลยค่ะ ข่าวว่าน้ำจิ้มแจ่วร้านนี้เด็ดมาก” อิ่มจี้ไปยังจุดที่เป็นไฮไลท์ของงาน

“ดีมากๆ งานแต่งงานที่เลี้ยงแขกอิ่มๆนี่ฉันชอบมาก สมัยนี้หายาก งานแต่งส่วนใหญ่เน้นของสวยๆกินไม่ค่อยอยู่ท้อง” ลูกเกดบ่นอุบ

“ค่ะ แล้วเรานัดกันอีกทีนะคะพี่ลูกเกด ขอบคุณค่ะ” อิ่มวางสายไปแล้วยิ้มกับตัวเอง เธอพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย ตั้งแต่ตั้งบริษัทนี้ได้มาเกือบปี เธอก็มีความคิดต่อยอดไปหลายอย่าง อิ่มมองป้ายชื่อของเธอบนโต๊ะทำงาน ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะกลายมาเป็นผู้บริหารสูงสุดหรือ CEO ของบริษัท FoodSpace Beyond ของเธอเองที่ทำธุรกิจทุกอย่างเกี่ยวกับอาหาร เขียนรีวิวอาหารทั่วโลก เขียนบทความเกี่ยวกับอาหาร ทำเวบไซท์ ทำรายการทีวีไปชิมอาหารและรายการทำอาหารด้วย ทุกเช้าที่ตื่นนอนเธอจะรู้สึกสนุกและตื่นเต้นว่า วันนี้จะกินอะไร จะเขียนอะไร มีคิวนัดรีวิวหรือคุยสัมภาษณ์ใครเรื่องการกินบ้าง จะนัดใครเพิ่มบ้าง จะต่อยอดธุรกิจไปทางไหนได้อีก ที่มีคนเคยบอกไว้ว่า คนที่เขาสนุกกับการทำงานเขาไม่รู้สึกว่ากำลังทำงานความรู้สึกมันเป็นอย่างนี้นี่เอง กว่าจะมาถึงวันนี้ต้องล้มลุกคลุกคลานมาไม่น้อย ต้องตัดสินใจยากๆหลายต่อหลายครั้ง แต่ถ้าวันนั้นเธอไม่ตัดสินใจเริ่มและลงมือทำ ก็คงไม่มีวันนี้

อิ่มเหลือบตาไปมองอีกมุมบนโต๊ะทำงาน เธอยิ้มให้กับกรอบรูปเล็กๆสีขาวตรงนั้น ด้านในเป็นรูปของหญิงชายหน้าตาธรรมดาคู่นึง ส่วนประกอบของรูปเต็มไปด้วยอาหารทั้งคาวหวานจานใหญ่น้อยวางทั้งด้านหน้าหรือที่เรียกว่า foreground และด้านหลังหรือที่เรียกว่าbackground คนทั้งสองในรูปกำลังตักอาหารใส่ปากด้วยแววตามีความสุข ผู้ชายแต่งชุดทักซิโด้สีดำเงา หูกระต่ายเนี๊ยบ ผู้หญิงแต่งชุดสีขาวฟูฟ่อง แต่ลักษณะการรับประทานอาหารในรูปนั้นไม่ได้ห่วงหล่อหรือห่วงสวยเลย ตอนช่างภาพตัวอ้วนเอารูปมาส่งให้ยังบอกว่า

“ผมว่าเป็นช่างภาพงานแต่งงานมาสิบกว่าปี  รูปนี้เป็นถ่ายก่อนงานแต่งงานหรือ pre-wedding ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่แปลกตามากที่สุดรูปนึงละครับ ถ่ายกันไม่ห่วงหล่อไม่ห่วงสวยเลย เน้น อาหารมากกว่า สถานที่ หรือ มากกว่าตัวบ่าว-สาวอีกนะครับ หวังว่าคงจะถูกใจนะครับ คุณ #อิ่มอัค”

 

--------------- จบ -----------------

Visitors: 43,351